วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : Men's Color Chart


ตารางประมวญผลของสี(ใช้คำนี้เนอะ..5..5..5)ที่โชว์ต่างๆของผู้ชายนำมาใช้ในฤดูกาลนี้ ไล่มาตามลำดับตัวอักษรของชื่อแบรนด์ต่างๆ สีไหนโดนนำมาใช้เยอะที่สุดตารางนี้น่าจะบอกได้ แต่ที่บอกไม่ได้คือเมื่อถึงเวลาคอเลคชั่นนั้นๆออกขายจริง บางทีสีนั้นๆก็จะเปลี่ยนไปเพื่อจะได้ขายง่ายสำหรับบุคคลทั่วไป

Picture : GQ

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : Louis Vuitton


นี่เป็นอีกครั้งที่ดิฉันเขียนถึง"Louis Vuitton" ซึ่งปกติแล้วเป็นแบรนด์ที่ดิฉันไม่เขียนถึงบ่อยนัก เพราะดิฉันว่าเป็นแบรนด์ที่คนซื้อตามกัน เป็นสัญญาลักษณ์ของคำว่า"รวย" แต่การที่ได้"Kim Jones"มาเป็นดีไซน์เนอร์ใหม่นั่นคือเหตุผลหลักในการเขียนถึง

"Louis Vuitton" Spring/Summer 2012

"Thakoon" Fall/Winter 2011-2012

ครั้งแรกที่ดิฉันเห็นภาพโชว์นี้ของ"Louis Vuitton"..ดิฉันนึกในใจว่า.."ว๊าย.."ฐากูร"ได้มาทำ"Louis Vuitton"..5..5..5 แต่ก็น่ะ..แหม..ก็สีและขนาดของลายมันยังกับลอยออกมาจากโรงงานเดียวกัน เมาท์..ไปเรื่อย..ก็"แรงบันดาลใจ"เขามาจากสิ่งเดียวกัน..ก็ย่อมเหมือนเด้งกันได้บ้างเป็นธรรมดา..5..5..5 นี่ยังรวมไปถึงในระหว่างที่คิดว่ามันดูเหมือน"ฐากูร"เสียเหลือเกินนั้น เสียงเพลง"พุ่มพวง"ก็ดังขึ้นมาในสมองที่น้อยๆและทื่อๆโง่ๆของดิฉันว่า.."หากพี่กลับมา ซื้อผ้าตาตาฝากน้องบ้างเน้อ อย่าให้คอยเก้อ นะพี่อยากมีเสื้อใหม่"..5..5..5 ว๊าย..เมาท์อีกแล้ว


ดิฉันเห็นและชอบงานของ"Kim Jones"มาตั้งแต่ยังมีแบรนด์ของตัวเองอยู่ จนมาทำ"Alfred Dunhill"และมาคราวนี้กับ"Louis Vuitton" "Kim Jones"เป็นคนที่ทำเสื้อผู้ชายดี คือไม่มากไปและไม่น้อยไป ไม่ผู้ชายไป..และไม่"ตุ๊ด"ไป แล้ว"Kim Jones"ยังสามารถ"ปรับ"สัญลักษณ์ของตัวเองให้เข้าแบรนด์นั้นๆที่เข้าไปทำ หลายคนมักละเลยแบรนด์อย่าง"Alfred Dunhill"ด้วยความที่ว่ามันดู"Formal"เสียเหลือเกิน โดยไม่เคยสังเกตุงานรายละเอียดที่"Kim Jones"ใส่ไว้แบบเนียนๆ ไม่งั้นคงไม่ได้รางวัล"Menswear Designer Of The Year"ถึงสองครั้ง(2006,2009)


แต่ที่แน่ๆคอเลคชั่นนี้ของ"Louis Vuitton"น่าจะขายดี ทั้งกระเป๋า,รองเท้า..และอีกจิปาถะ ส่วนเรื่องผ้า"ตาตา"นั้นอาจเป็นการร่วมมือในการออกแบบของดีไซน์เนอร์ระดับเทพ ที่ทำงานร่วมกับ"Kim Jones"อยู่ในแบรนด์เดียวกันค่ะ..5..5..5

Picture : Dazed Dgital , GQ , Style

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Uniqlo : Bangkok Press Preview


วันนี้ท่ามกลางสายฝนและความอยากได้รองเท้าแตะของดิฉัน "Uniqlo"สาขากรุงเทพได้เปิดงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ซึ่งดิฉันไม่ใช่สื่อแต่ปลอมตัวเป็นพนักงานโรงแรมเข้าไป..5..5..5 แหมใครเขาจะไปเชิญ..5..5..5 ดิฉันไม่ใช่ช่างภาพคนดังที่มีแต่หน้า..ก็เข้างานได้ มาๆเข้าเรื่อง..อย่าไปแขวะชาวบ้านเขา


งานวันนี้แลดูพยายามให้สื่อเข้าใจถึงเทคโนโลยี่และระบบการดำเนินงานของ"Uniqlo" มากกว่าแบบเสื้อและรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวกับเสื้อผ้า จนสื่อบางคนหลังฟังเสร็จ..สามารถเข้าทำงานเป็นพนักงานขายของ"Uniqlo"ได้เลย ไม่ต้องผ่านการอบรมอีก..5..5..5


จากรายละเอียดตอนอบรมพนักงานขาย..ว๊าย..เมาท์ ไม่ใช่ซิ..เขาอธิบายละเอียดไปหน่อยเท่านั้นเอง ร้าน"Uniqlo"สาขากรุงเทพจะมีทั้งหมดสามสาขา โดยเปิดสาขาแรกอย่างที่หลายๆคนรู้ไปแล้วที่"เซ็นทรัลเวิร์ด"ในเดือนกันยายน หลังจากนั้นในเดือนตุลาคมจะเปิดขึ้นที่"เซ็นทรัล พลาซ่า"ลาดพร้าว และที่ที่สามในปีนี้ก็คือ"เซ็นทรัล พลาซ่า แกรนด์"พระราม9ในเดือนพฤศจิกายน หูย..เปิดตูมเดียวสามสาขาเลย แบบว่า..เปิดทุกเดือนเรียงกัน


ข่าวดีกับข่าวร้ายมักชอบมาคู่กันเสมอๆ แบรนด์ที่สาวน้อย,สาวใหญ่เฝ้ารอคอยว่าจะมาหรือไม่มา ปรากฎว่ามานั่นก็คือ"+J"จากฝีมือการควบคุม(เนอะคำนี้น่าจะเหมาะมากกว่าคำว่าออกแบบ)ของ"Jil Sander" โดย"+J"จะมีวางขายที่ร้าน"Uniqlo"เฉพาะสาขา"เซ็นทรัลเวิร์ด"ที่เดียว นั่นคือข่าวดี..ต่อไปคือข่าวร้าย วันนี้ที่ญี่ปุ่นมีข่าวออกมาว่าคอเลคชั่น"Fall/Winter 2011-2012"ของ"+J"ที่กำลังจะออกขาย จะเป็นคอเลคชั่นสุดท้ายของการร่วมมือกันระหว่าง"Jil Sander"และ"Uniqlo"


อ้อ..งานนี้"Uniqlo"เขาแจกเสื้อยืดที่บรรจุอยู่ในหีบห่อสวยงาม แต่ดิฉัน..ไม่ใช่สื่อ..เลยไม่ได้ของกับเขา..5..5..5 ที่เห็นคือยืมของชาวบ้านมาถ่าย

Picture : Foxy Lady , Website : Uniqlo (Thai) , Facebook : Uniqlo

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : Vivienne Westwood


ดิฉันไม่ค่อยได้เขียนถึง"Vivienne Westwood"เท่าใดนัก เนื่องจากไม่ใช่ดีไซน์เนอร์คนโปรด ประกอบกับไม่ถนัดเพราะดิฉันไม่ค่อยได้สนใจ จะมีชอบและสนใจบ้างก็..เป็นชิ้นๆในแต่ล่ะโชว์ที่ผ่านมา แต่สำหรับซีซั่นนี้นั้นชอบเยอะจนต้องเอามาเขียนถึง


คราวนี้นั่นชอบทั้งเสื้อและเครื่องประดับหลายชิ้น ตั้งแต่ซื้อมาถือ,ซื้อมาใส่(ถ้ามีปัญญา)..จนไปถึงเครื่องประดับประกอบโชว์ที่ไม่น่ามีขายจริง..แต่ก็น่ะ.."Vivienne Westwood"..อาจมีขายจริงๆในร้านก็ได้..5..5..5 ดิฉันชอบไปตั้งแต่..เขาเรียกอะไรน่ะ"ช่อมะกอก"?..ใช่ไหม?..ที่ทำจากไพ่(อ้อ..เจอแล้วเขาเรียกว่า"Laurel"ย่ะ) เหรียญยศทหารทำจากกระป๋องน้ำอัดลม กระเป๋า..หูย..ย..หลายใบ..เข็มกลัด..โอ๊ย..ย..กรี๊ด..ด..ด.. โดยเฉพาะสร้อยรูปปาก..ชอบมาก..แต่คงยาก..ทั้งซื้อ..และหาของจริงดู ไหนจะรองเท้าแตะยางสีทองแบบโรมันอีกล่ะ โหย..อยากได้..อยากได้


แต่ที่ชอบมากไปยิ่งกว่าเสื้อผ้าคือคนไปดู..5..5..5 โดยเฉพาะคนด้านล่างนี้ เธอชื่อ"Nikita Balli"..ชีดูเหมือน"Spock"ในหนังเรื่อง"Star Trek"..แบบแต่งหญิง


วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : Dsquared2

ซีซั่นที่แล้วสิ่งที่ดีที่สุดในโชว์ของ"Dsquared2"คือ"Hidetoshi Nakata" ส่วนซีซั่นนี้..สิ่งที่ดีที่สุดของ"Dsquared2"..ก็คือ"ฉาก"..5..5..5 โชว์นี้..แลดูทุ่มทุนเพราะต้องช่วยตัวสินค้าแบบสุดความสามารถ ไอ้นายแบบหล่อล่ำใส่ชุดว่ายน้ำเนี่ย..โชว์ไหนก็มีได้ ฉะนั้นเอาฉากเข้าสู้แล้วกัน..5..5..5 โดยฉากด้านหลังของโชว์หมุนเปลี่ยนไปได้แบบฉากละคร โดยเปลี่ยนเป็นสถานที่ต่างๆถึงสี่ที่..น่า..ดูฉากแทนก็แล้วกัน

Scandinavian

Scandinavian > Mykonos

Mykonos

Florence

Florence > London (?)

London (?)

Picture : Zimbio , Details : WWD

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : D&G


"D&G"แบรนด์ที่กุมเอาเทรนด์ของเสื้อผ้าผู้ชายในแทบทุกซีซั่นไว้ในกำมือมานานหลายปี จากโลกแฟชั่นนี้ไปอย่างเงียบๆในโชว์ครั้งสุดท้ายของแบรนด์เมื่อบ่ายวันที่20มิถุนายนที่ผ่านมา ไม่มีข่าวล่วงหน้า,ไม่มีโชว์ชุดพิเศษ,ไม่มีปาร์ตี้อำลาและน้ำตา มีเพียงข่าวไม่กี่บรรทัดว่าจะไม่มีคอเลคชั่นของ"D&G"อีกแล้วจากนี้ไป


ใครที่เป็นแฟนแบรนด์นี้อย่างเหนียวแน่นคง..ใจหาย "D&G"จากนี้ไปจะเหลือเป็นเพียงแค่สไตล์ที่แทรกอยู่ในแบรนด์แม่อย่าง"Dolce&Gabbana" เหมือนที่แบรนด์"&"เคยโดนปิดแบรนด์ไปแล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของ"D&G" และเหมือนการจากไปของ"Style Lab"ของ"Diesel"หรือ"Miu Miu"(ผู้ชาย)ของ"Prada" โดยทางแบรนด์มักหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า"ปิด" แต่ใช้คำว่า"รวม"กับแบรนด์หลักแทน แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าทาง"Dolce&Gabbana"จะตัดสินใจในการทำแบบนี้กับ"D&G"


โชว์สั่งลาครั้งนี้ก็ยังคงแนวคิดของ"Domenico Dolce"และ"Stefano Gabbana"ในช่วงหลังๆมานี้คือ"อัดให้ฮิต" ซึ่งเป็นแนวทางหลังๆมาของทั้ง"Dolce&Gabbana"และ"D&G" คือในโชว์ทั้งคอเลคชั่นจะเป็นแนวคิดและวัสดุเดียวกันแทบทั้งหมด อย่างน้อยๆก็90%..นั่นมันก็เกือบหมดทั้งโชว์แล้ว ครั้งนี้จุดขายก็คือผ้า"Foulard"พิมพ์ลายตัดต่อกับผ้า"Denim" ซึ่งหลายคนคาดว่าสินค้าในคอเลคชั่นนี้จะกลายเป็นของสะสมของนักสะสมเมื่อออกวางตลาด


Picture : Dolce&Gabbana , Zimbio

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Cruise 2012 : Merry Christmas Mr. Tisci

"Merry Christmas Mr. Lawrence" (1983)

ดิฉันมักมีความคิดเห็นสวนทางหรือไม่ตรงกับชาวบ้านเสมอๆ อ้าว..แต่ทำไมต้องเหมือนคนอื่นล่ะ..5..5..5 ครังนี้ก็เช่นกันตั้งแต่ดิฉันเห็นภาพเสื้อผ้าของ"Givenchy"ในคอเลคชั่น"Cruise 2012" ดิฉันนึกถึงหนังเรื่อง"Merry Christmas Mr. Lawrence"ขึ้นมาซ่ะงั้น แต่กว่าจะได้เขียน..ถ้าเป็นกาแฟเย็นนี่ ป่านนี้น้ำแข็งละลายหมดแก้วไปแล้ว..5..5..5


ที่อื่นๆเขามักจะจำกัดความคอเลคชั่นนี้ของ"Riccardo Tisci"ไว้ว่าเป็น"สปอร์ต"ที่มีลวดลายแบบฮาวายในยุค50(อืม..ม..คุ้นๆ) เขาเขียนแบบนั้นจากอะไร? ก็จากเครื่องประดับอย่างหมวกแบบ"Visors"หรือสร้อยแบบ"Lanyard"และเนื้อผ้าแบบ"Mesh"ที่คล้ายกับที่นิยมนำมาทำเสื้อกีฬา รวมไปถึงลวดลายดอกไม้แบบเมืองร้อน แหม..ทำไมต้องฮาวาย?..เมืองไทย,อินโด,มาเล..ฯลฯก็มี..5..5..5

Ryuichi Sakamoto (กลาง) ใน "Merry Christmas Mr. Lawrence"


อ้าว..แล้วทำไมดิฉันไปนึกถึงหนังโศกนาฏกรรมชีวิตเศร้าชาวเกย์อย่าง"Merry Christmas Mr. Lawrence"ล่ะ ก็นั่นน่ะซิเนอะ..5..5..5 ก็..ก็..ไม่มีอะไร้..ไม่มีอะไร ก็แค่ทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่สองในป่าดงดิบแถบศูนย์สูตร..เท่านั้นเอง จริงๆน่ะ..ดิฉันว่าแรงบันดาลใจมันน่าจะมาจากต้นฉบับอะไรที่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แต่มันโดนปรับจนเข้าใจได้ง่ายขึ้นและแตกต่างจากคนอื่นๆ

Picture : Vogue , Joblo , CCCB