วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

E-Book : Style is in the Seoul


อืม..ม..อิทธิพลของเกาหลีนั้นแลดูแผ่ซ่านไปทั่ว..แม้แต่ฮ่องกง ที่นำมาให้ดูนี้เป็น"E-Book"ของเวปไซท์ขายของออนไลน์ของฮ่องกง ที่เป็นเล่มพิเศษเกี่ยวกับ"Seoul Fashion Week" ภาพในเล่มมีสิ่งที่พึงมีเป็นรูปแบบบังคับของหนังสือที่เกี่ยวกับ"Fashion Week"โดยทั่วไป เช่น..ภาพจากรันเวย์,เทรนด์หญิง/ชาย,ภาพแบบสแนปชอต,ที่ชอปปิ้ง..ฯลฯ


ซึ่งในเล่มนี้มีภาพและทุกๆอย่างตามที่ว่ามาขั้นต้น แต่นี่เป็นหนังสือฮ่องกง คงได้มุมมองที่แตกต่างออกไป คนไทยส่วนใหญ่ยังมองแฟชั่นเกาหลีอิงอยู่กับดาราและนักร้อง คือใส่ตามคนดัง ไม่ได้มองที่ตัวสินค้าหรือการออกแบบ ซึ่งเสื้อผ้าเกาหลีค่อนข้างดีและราคาไม่แพง มิหน่ำซ้ำคัตติ้งน่าจะเหมาะกับคนเอเซียมากกว่าเสื้อผ้าที่มาจากยุโรป


วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Korean Skinny


เมื่อวานไปกินข้าวกับที่บ้านเพื่อน แม่เพื่อนทักว่า.."ทำไมเดี๋ยวนี้อ้วนจัง ไม่ไหวแล้วน่ะ เมื่อก่อนผอมสวย..เดี๋ยวนี้อ้วนมาก" ต๊าย..ย..คุณแม่ขา..ทักกันแบบว่าไม่เกรงใจกันเลย ก็ที่คุณแม่เห็นหนสุดท้ายนั่นมัน..30ปีมาแล้วน่ะค่ะ อะไร..อะไรก็ย่อมหย่อนยาน..อ้วนบานไปตามแรงโน้มถ่วงโลกบ้าง ว่าแล้วก็คิดถึงแฟชั่นผู้ชายของเกาหลีที่เคยเขียนถึงไว้ว่าผู้ชายเกาหลีชอบใส่กางเกงสกินนี่สีดำ จริงๆที่วางขายก็มีหลายสี..แต่เขาใส่กันแต่สีดำ ไม่เคยเข้าไปถามซ่ะด้วยว่าทำไมเป็นแบบนั้น



ดิฉันซื้อกลับมาตัวนึง..ต๊าย..หุ่นแบบดิฉันเนี่ยน่ะ..ใส่สกินนี่ ! อืม..ม..ก็ที่ป้ายเขาบอกว่าไม่ใช่สกินนี่นี่ย่ะ..เขาว่ามันใหญ่ขึ้นมาอีกตั้งสองทรง ต้องเล็กกว่านี้อีกสองทรงถึงเป็นสกินนี่ ซึ่งถ้าซื้อทรงนั้น..คงนั่งยองๆไม่ได้ ถ้านั่งได้ก็น่าจะระเบิดเป็นชิ้นๆอายไปทั้งพารากอน คนคงมามุงดูดิฉันมากกว่าเข้าคิวซื้อ"Krispy Kreme"



รูปที่เห็นทั้งหมดดิฉันไม่ได้ถ่ายเอง เพราะคงไม่มีความสามารถจับหนุ่มเกาหลีตามถนนมายืนหมุนไปมาเป็นไก่ย่างห้าดาวแบบในรูป รูปทั้งหมดด้านบนนำมาจากเวปขายของของเกาหลี พูดถึงเรื่องนี้แล้ว..คันยิกๆ คือว่า..หลังๆมาเวลาไปเดินตามที่ขายเสื้อผ้าหรือเปิดเนตดู มักมีป้ายเขียนว่า.."เสื้อผ้าสไตล์เกาหลี" ซึ่งพอดูเข้า..มันไม่มีชิ้นไหนหรือสไตล์ใดดูเป็นเกาหลีซักนิด..นิดเดียวก็ไม่ ถ้าบอกว่า.."เสื้อผ้าสไตล์กวางเจา"หรือ"ใหม่ล่าสุดจากเสินเจิ้น"น่าจะดูดีกว่า..แต่คงไม่มีใครเขียนแบบนั้น


Picture : Zipia

E-Book : No.27 Volume 1


หนังสือแบบ"E-Book"ของดีไซน์เนอร์ไทยเล่มแรกของ"27 Friday"และ"27 Nov." ที่รวมภาพผลงานทั้งหมดในช่วงปีที่กำลังจะผ่านไป ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังจากภาพแบบแฟชั่นเซทไปจนถึงภาพแบบ"Backstage" ถ้าอยากดูทั้งเล่ม..คลิกที่ลิงค์ด้านล่างสุดค่ะ


David Sylvian : Sleepwalkers (2010)


"David Sylvian"กับอัลบั้มล่าสุดที่เป็นงานรวมเพลง ในบางเวปมีรายละเอียดบอกว่าเป็นแบบรีมิกซ์ ซึ่งดิฉันไม่ได้ฟังอัลบั้มในช่วงหลังๆของ"David Sylvian" เลยบอกไม่ได้ว่านี่คือเพลงแบบรีมิกซ์จากต้นฉบับรึปล่าว แต่ถ้ารีมิกซ์..ก็นี่แหละรีมิกซ์แบบ"David Sylvian"..มันไม่ใช่รีมิกซ์ในแบบที่หลายๆคนเข้าใจ ลองฟังกันดู ถ้าเริ่มฟังแล้วคลื่นใส้,เวียนหัว,ลำบากใจ..เลิกฟังแต่เนิ่นๆค่ะ เพราะยากที่จะทำใจให้ชอบเพลงของ"David Sylvian"ได้ง่ายๆ แต่ถ้าใครเป็นแฟนของ"David Sylvian"..น่าจะชอบค่ะ

   16. Trauma by Foxy Lady

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Fall/Winter 2011 - 2012 : Japan Fashion Week


โตเกียวดูท่าทางจะประกาศฤดูกาลใหม่ไวกว่าใครเพื่อนในเอเซีย โดยงาน"Japan Fashion Week"ของซีซั่นใหม่"Fall/Winter 2011 - 2012"จะเริ่มขึ้นในวันจันทร์ที่21มีนาคมและสิ้นสุดในวันที่25มีนาคม2011 โชว์เสื้อผ้าผู้ชายของดีไซน์เนอร์ญี่ปุ่นน่าจะเริ่มขึ้นก่อนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผู้ชายข้างถนน..ในเกาหลี

อืม..ม..มีเวปขายเสื้อผ้าเวปนึงของเกาหลี เขาว่า..เขาถ่ายผู้คนทั่วไป ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง..คัดมาแต่คนที่ใส่เสื้อผ้าของแบรนด์นี้ที่เดินอยู่ตามถนน มาเริ่มกันที่คนแรก..


หนุ่มชื่อ"Jay Hee Yang"อีกแล้ว เราเป็นเนื้อคู่กันใช่ไหมค่ะ? อยู่เกาหลีในงานก็เจอ,เดินตามถนนก็เจอ..กลับมาเมืองไทยก็ยังเจออีก(เพ้อเจ้อ..5..5..5)


เขาว่าไม่ได้คัดที่หน้าตา..ส่วนสูง..ดิฉันไม่เชื่อ เขาว่าสุ่มถ่าย..ดิฉันก็ไม่เชื่ออีกเช่นกัน..5..5..5 เพราะบางที่ในรูปมันดูเหมือนแถวกังนัมย่านที่อยู่อาศัยที่เป็นอพาร์ทเมนท์แพงๆ เดินไปมีแต่คุณลุงคุณป้า,แมว,รถยนต์แพงๆ แต่..ไม่เคยมีหน้าตาแบบในรูปจูงหมาออกมาเดินค่ะ(ก็หล่อนไม่มีบุญน่ะซิ..5..5..5)


สี่รูปด้านล่างน่าจะโอเค..หมายความว่าดูเป็นคนตามถนนทั่วๆไป แต่ด้านบนหกรูปนั่น..ไม่มั้งค่ะ แต่ที่เอามาลงเพราะรูปในเวปนี้สามารถสื่อถึงการแต่งตัวของผู้คนตามถนนในกรุงโซลได้ตามจริง คือหมายความว่าผู้คนส่วนใหญ่(เท่าที่ได้เห็น)คือแต่งตัวแบบนี้,สีแบบนี้ สังเกตุดูไหมค่ะว่า..คนเกาหลีไม่ค่อยใส่กางเกงทรงอื่นนอกจากสกินนี่ และไม่ค่อยใส่สีอื่นๆนอกจากสีดำ ตอนนี้สื่อเกี่ยวกับแฟชั่นที่เกาหลีทั้งเวปบล็อคที่ขายของแฟชั่นกำลังโหมเทรนด์ทหาร ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่ถ้าไปเกาหลีตอนนี้อาจนึกว่าผู้ชายเกาหลีเตรียมออกศึกกับเกาหลีเหนือ..5..5..5

Picture : Andew

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Tron Legacy : Pop-up Shop


หนังไกล้ฉาย..ก็ยิ่งโปรโมท นั่นเป็นเรื่องปกติของธุระกิจทั้งเพลงและหนัง หนังเรื่อง"Tron Legacy"น่าจะเป็นหนังที่"พยายาม"ลากเอาของที่ระลึกที่เกี่ยวกับหนังไปพัวพันกับสิ่งที่เรียกว่า"แฟชั่น" เป็นความคิดที่ดีแต่ไม่น่าเป็นไปได้ ในตัวร้านแบบ"Pop-up"ที่เพิ่งเปิดขายไปมีสินค้าหลากหลายยิ่งกว่าโลตัส โดยมีพื้นที่ขายเสื้อผ้าที่ดู"แฟชั่น"ส่วนนึง แต่มันก็ปนไปกับเสื้อที่ระลึกและของเล่นที่มาจากหนังเรื่องเดียวกัน


มันเลยดูเหมือน"Thierry Mugler"หรือ"Balenciaga"ไปเช่าพื้นที่ขายอยู่ในร้าน"Forever21" อืม..ม..ของบางอย่างขายอยู่ด้วยกันได้ แต่บางอย่างก็ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ถ้าจะขายเสื้อผ้าอะไรซักอย่าง..ก็เลือกเอาซักอย่าง แต่คงด้วยความงก..เสื้อผ้าแฟชั่นคงได้ภาพลักษณ์..เสื้อผ้าที่ระลึกคงทำเงิน แต่คงลืมไปว่า..ภาพลักษณ์นั้นสามารถโดนทำลายได้โดยง่าย..มันไม่ค่อยแข็งแรง


Picture : Zimbio

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ของชอบ 2 (กำไล "Miu Miu" Cruise 2011)


ถ้าได้ไปเมืองนอก..คงได้ซื้อ แต่ราคา"Miu Miu"เนี่ยดิฉันจะสู้ไหวไหมน่ะ? 5..5..5..ต้องรอดู

Picture : Lurve Mag

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รู้ไว้ใช่ว่า : จริงหรือที่เป็น Trend Hunter...?


ภาพต้นฉบับจากเวปของ"Yves Saint Laurent"ที่ระบุซีซั่นไว้อย่างชัดเจนว่าเป็น"Pre-Fall 2010" ซึ่งคอเลคชั่น"Pre-Fall"จะใช้เลขปีตัวเดียว ไม่ได้ใช้แบบเลขคู่เหมือน"Fall/Winter" ฉะนั้น..เสื้อผ้าคอเลคชั่นที่เห็นคือ"Pre-Fall 2010"ไม่ใช่"Pre-Fall 2010-2011"อย่างที่บางคนเข้าใจผิด เพราะฤดูกาลใบไม้ร่วงมันไม่ได้ข้ามปีเหมือนฤดูหนาว


ภาพจากเวป"Design Scene"ที่เวป"Trend Hunter"นำมาอ้างอิงถึง ก็ไม่ได้เป็น"Pre-Fall 2010"หรือ"Pre-Fall 2010-2011"แต่อย่างไร


ภาพจากเวปของ"Trend Hunter"ที่ระบุไว้ว่าเป็นคอเลคชั่น"Pre-Fall 2011"..? อืม..ม..ถ้าเขียนแบบนั้นต้องแสดงผลงานตอนปลายปีนี้ไม่ใช่เมื่อเดือนมกราคมปี2010 จริงๆการแสดงผลงานของแต่ล่ะฤดูกาลมีที่อ้างอิงซึ่งสามารถหาได้ง่าย ถ้าเราสงสัยว่านี่คือคอเลคชั่นฤดูกาลไหนกันแน่..ก็ยังมี"Style"ที่ลงรายละเอียดไว้ให้ยืนยันความถูกต้องได้ แต่อย่างแบบ"Trend Hunter"มั่วได้ขนาดข้ามซีซั่นเลย

ที่เขียนจิกๆกัดๆมานี้ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเวปนี้ แต่วันนี้นั่งหาว่าเมื่อไหร่โชว์ของ"Pre-Fall 2011"จะเริ่ม ซึ่งก็น่าจะเป็น"Chanel"เป็นโชว์แรก..เพราะเป็นแบบนี้มาจนเป็นธรรมเนียมของโชว์"Pre-Fall" แต่พอลองเสิร์ทดู..ก็ตกใจที่เห็น"Yves Saint Laurent Pre-Fall 2011" เลยลองเปิดเข้าไปดูก็ได้พบความจริงตามที่เขียนยิกๆมาตั้งแต่ต้น อีกหน่อยรูปภาพแฟชั่นคงต้องมี..อย.กำกับ,มีวันหมดอายุบอกจะได้ไม่หลงดูผิดซีซั่น..5..5..5

Fall/Winter 2011 - 2012 : New Designer

ปีหน้า..ซีซั่นหน้าไกล้เข้ามาอีกนิด..ชิดเข้ามาอีกหน่อย มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์เนอร์กันหลายแบรนด์ คงต้องดูกันว่าการวางตัวดีไซน์เนอร์ใหม่จะพาแบรนด์นั้นๆไปสู่ความสำเร็จ..หรือหายนะ

Thierry Mugler
Sebastien Peigné (Women's Wear)

Romain Kremer (Men's Wear)

ว่ากันว่านี่น่าจะลงตัวสำหรับแบรนด์"Thierry Mugler"เพราะได้คนที่ชำนาญงาน"เฉพาะทาง"มาทำ "Sebastien Peigné"ชื่อไม่คุ้นหู แต่เป็นผู้ช่วยของ"Nicolas Ghesquière"ที่"Balenciaga"มา10ปี ส่วน"Romain Kremer"ก็น่าจะใช้ได้กับแนวทางที่เห็นมา ขืนให้"Nicola Formichetti"มาออกแบบเองจริงๆตามข่าว..มูแกล์คงต้องขายกิจการอีกรอบ..5..5..5

Hermès
Christophe Lemaire

Lacoste
Felipe Oliveira Baptista

อืม..ม..ส่วนสองคนนี้เป็นการถ่ายโอนอำนาจกันเอง..5..5..5  ว๊าย..สองคนนี้ไม่ได้เป็นผัวเมียกันค่ะ แต่ว่าพอ.."Christophe Lemaire"ไปทำ"Hermès"แทนที่"Jean-Paul Gaultier" คนที่มาแทน"Christophe Lemaire"ที่"Lacoste"ก็คือ"Felipe Oliveira Baptista" ซึ่ง.."Felipe Oliveira Baptista"ก็คือผู้ช่วยเก่าของ"Christophe Lemaire"

รู้ไว้ใช่ว่า : เราไม่ใช่คนสำคัญ กรุณาดูแฟชั่นไทยอยู่ห่างๆ


หลายคนที่หาบัตรแฟชั่นอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อที่จะได้ดูโชว์ที่ชอบ..สักครั้งในชีวิต เมื่ออ่านบทความในภาพบนคง..สะอึก..เสียความรู้สึก บางคนอ่านแล้วอาจปลงว่า.."เขาเป็นคนดัง,เขาเป็นคนในวงการ..เรามันเป็นใคร..จะไปได้บัตรมาง่ายๆแบบนี้" ถ้าถามดิฉัน..อันนี้เป็นประสบการณ์ตรง(5..5..5)ดิฉันเคยได้บัตรจากแบรนด์นึงมาซึ่งเป็นตำแหน่งแถวหน้า(จะหน้า,หลัง..ไม่ใช่ประเด็นขอให้มีที่นั่งก็พอ) แต่..ในโชว์นั้นมีนางแบบพาบุพการีเข้ามาดูด้วยและเข้าไปนั่งโดยที่ไม่มีบัตร..ทั้งสามคนพ่อ,แม่และบุตรสาวแสนกตัญญู นางแบบพูดเสียงดังฟังชัดว่า.."นั่งตรงนี้เลยค่ะ..นั่งเลย" โชว์นั้นดิฉันได้นั่งบันได..ค่ะบันได..เรื่องตลก..ที่ไม่ขำ

Review : Commons&Sense "Man" Issue 09


จริงๆหนังสือเล่มนี้ได้พร้อมกับ"Vogue Homme Japan"ตั้งแต่ก่อนไปเกาหลี แต่พอไปดูที่ร้านแล้ว..ดิฉันปล่อยให้"Lady Gaga"นอนเล่นอยู่ที่"Kinokuniya"ดีกว่า เอากลับมาบ้านด้วย..ท่าทางจะเปลืองพื้นที่เก็บ พอมองไปที่ชั้นวางหนังสือในร้าน..อุแม่เจ้า..ปกเล่ม"Lady Gaga"เหลือเป็นตัน ส่งมาจากญี่ปุ่นกี่เล่ม..ก็น่าจะยังเหลืออยู่เท่านั้น..5..5..5 คนคงอยากดูแฟชั่นผู้ชายใหม่ๆหรือผู้ชายแก้ผ้ามากกว่าดูกาก้าเป็นทอม


ดิฉันเป็นคนที่เข้าใจอะไรยาก จึงไม่ค่อยเข้าใจ(ทั้งๆที่พยายามแล้ว..5..5..5)คำโปรยบนปกที่เขียนว่า"1976-1980" เพราะด้านในของเล่มไม่ค่อยมีอะไรที่เกี่ยวกับช่วงยุคที่เอ่ยถึงนักนอกจากบทความที่ชื่อยาวเหยียดว่า.."Back in The Late 1970's , I Used to Belive Every Word of Johnny Rotten"กับบทความที่ชื่อเดียวกับหน้าปก(นั่นไงย่ะ..เกี่ยวแล่ว..5..5..5) ซึ่งถ้าดูรวมๆเล่มนี้น่าจะเกี่ยวกับดนตรี"Punk"และ"New Wave"


โดยปกติแล้วหนังสือ"Commons&Sense Man"หรือหนังสือแฟชั่นผู้ชายทั่วๆไปของญี่ปุ่นจะไม่ขายนายแบบ คือว่ากันง่ายๆคือยากที่จะเห็นนายแบบถอดเสื้อหรือนุ่งน้อยห่มน้อยในหนังสือ จะว่าด้วยกฎหมายคงไม่ใช่ แต่ในที่สุดญี่ปุ่นก็คงต้องตามกระแสตลาดทั่วไปที่นิยมขายนายแบบ เล่มนี้จึงเล่นกันแบบเต็มที่..เต็มหน้า เนื่องจากหนังสือ"Commons&Sense Man"เล่มค่อนข้าง..ไม่ใช่ค่อนข้าง..ใหญ่และหนักมาก ทำให้ไม่ค่อยเห็นมีภาพสแกนจากหนังสือเล่มนี้ลงตามบล็อคหรือเวปไซท์ต่างๆ


เมื่อเปรียบเทียบกับเล่มที่ผ่านมา(เล่ม8)..เมื่อตัดรูปผู้ชายออก..5..5..5 เล่มนี้ก็ยังดีกว่า..แต่ไม่ตอบสนองจุดที่หนังสือออกเพียงปีล่ะสองครั้ง น่าจะมีอะไรที่แปลกใหม่และสร้างสรรมากกว่านี้ ดิฉันมีความรู้สึกว่าหลังๆหนังสือญี่ปุ่นหลายๆเล่มที่นานๆออกที กลับไม่ค่อยนำเสนอความคิดสร้างสรรเท่าตอนที่ออกตลาดแรกๆ มักย่ำอยู่กับที่..อะไรที่ขายได้,รูปแบบไหนที่ขายได้..ก็อยู่ตรงนั้น เสียดายคอนเซปของหนังสือหลายๆเล่มค่ะ

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Spring/Summer 2011 : เสื้อผ้าผู้ชายที่ยังเหลือ..

Gap

J. Crew

บางที..ใช่..บางที..การเขียนเรื่องแฟชั่นนั้นลำบากกว่าที่ใครจะคิด เสื้อผ้าที่อยากเขียนถึงเช่นเสื้อผ้าผู้ชายที่มีคนเขียนถึงน้อยนัก ก็ไม่ได้มีผลงานโชว์ออกมาพร้อมกันหมด จนป่านนี้ยังมีรูปออกมาเรื่อยๆ จนพอเขียนบทความนี้ครั้งแรก..กะว่าลงแต่รูปของ"Gap"และ"J. Crew"แล้วก็พอ กลับกลายเป็นว่ามีคอเลคชั่นของผู้ชายออกมาอีก(อาจออกมานานแล้วแต่เพิ่งเห็นรูป) อืม..ม..เลยแก้บทความนี้ใหม่แล้วกัน ไม่ใช่แก้..ประมาณเขียนใหม่เลย

DKNY

Tommy by Tommy Hilfiger

เสื้อผ้าผู้ชายจากแบรนด์อเมริกันซีซั่นนี้..แน่นอนต้องมีทหารเหมือนเทรนด์จากที่อื่นๆทั่วโลก เหมือนเทรนด์บังคับ แต่ที่ดีไซน์เนอร์อเมริกันคงไว้และทำกันมาจนเป็นธรรมเนียมหรือเอกลักษณ์ของทุกหน้าร้อนก็คือเสื้อผ้าในแบบที่เรียกว่า"Nautical" เสื้อผ้าในแบบที่เรียกว่า"Nautical"นั้นแตกต่างจากแนวทหารเรือแต่ก็อยู่ในกลุ่มเดียวกัน "Nautical"นั้นคือแนวเสื้อผ้าแบบที่ใช้ในการแข่งเรือ(เล่นเรือ)..เรือใบ,เรือยอร์ชอะไรทำนองนั้น องค์ประกอบสำคัญๆของเสื้อผ้าแบบนี้ก็คือแจ็คเก็ตแบบ"Windbreaker",กางเกงขาสั้น,เสื้อยืดลายริ้ว อืม..ม..พอดูรูปของ"Tommy by Tommy Hilfiger"ทำให้นึกถึงโชว์แบรนด์"Line or Circle"ของเกาหลีที่เพิ่งผ่านมา ด้วย..สีและแนวคิด

Picture : Style