วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

Fall/Winter 2013-2014 : Wording Accessories


1 : Jean Paul Gaultier
2 : Lanvin
3 : Lanvin
4 : Tom Binns
5 : Lanvin
6 : Tom Binns

Picture : WWD

MFF : 300 Covers 1997-2012


เล่มแรกของหนังสือซีรี่ย์พิเศษครบรอบ 15 ปีของหนังสือ"MFF" โดยเล่มแรกนี้ที่พิเศษคือ..โฆษณาเยอะเป็นพิเศษ..5..5..5..นั่นก็เรื่องนึง แหมน่ะ..ปกติหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ค่อยจะเคยมีโฆษณามาแทรกให้ระคายตา นี่เป็นเล่มพิเศษ..ฉะนั้นโฆษณาอื้อ..5..5..5 แต่นั่นก็ไม่สามารถกลบรายละเอียดที่ดีของหนังสือเล่มนี้ที่มีมาตลอดคือเรื่องแฟชั่น..ที่ไม่เหมือนหนังสือแฟชั่นอื่นๆ นอกจากการรวบรวมหน้าปกจาก 300 เล่มใน 15 ปีที่ผ่านมา ยังมีการรวบรวมภาพคอเลคชั่นของดีไซน์เนอร์คนสำคัญๆอย่าง"Christian Dior"(John Galliano),"Balenciaga"(Nicolas Ghesquière)และ"Prada" ถึงแม้จะเพียงแค่ 1 ภาพต่อคอเลคชั่นและมีแค่ 2 หน้า แต่ก็ดีพอที่จะเก็บไว้เพื่อเป็นข้อมูล..ว่าอะไร..เป็นอะไร และที่ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นซีรีย์เพราะจะมีออกมาทั้งหมด 6 เล่ม โดยจะทยอยออกตั้งแต่เดือนนี้ไปจนถึงเดือนมิถุนายน โดยแต่ล่ะเล่มจะมีรายละเอียดในเรื่องแฟชั่นที่แตกต่างกัน ถ้ามีเวลาจะนำมาลงให้ดาว์นโหลดทั้งหมดค่ะ


วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

รู้ไว้ใช่ว่า : รองเท้าเจ้ากรรม


จริงๆว่า..จะเขียนตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง แต่น่ะ..รอให้อารมณ์เย็นลงดีกว่า..อากาศยิ่งร้อนๆอยู่เดี๋ยวเป็นบ้า(มากกว่าเก่า..5..5..5) เมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดอยากซื้อรองเท้าผ้าใบขึ้นมาเต็มกำลังทรัพย์..เท่าที่จะพอมี..คืออยากซื้อเท่าที่จะซื้อได้ แล้วนั่นเองคือที่ทำให้เกิดเรื่อง

หลังจากซื้อสีอื่นๆที่อยากซื้อแล้วเรียบร้อยก็นึกขึ้นมาได้ว่าอยากได้รองเท้า"Y-3" แล้วก่อนหน้าเห็นทางร้านที่นำเข้ามาขายมีงานปาร์ตี้ฉลอง..ฉลองอะไรก็ไม่รู้ช่างมันเถอะ เพราะอ่านแล้ว..งงๆ..5..5..5 เลยแล่นตรงไปที่ร้านนั้นโดยเร็ว เมื่อเลี้ยวควับเข้าร้านก็ถึงกับดีใจเพราะเห็นสินค้าส่วนหนึ่งในคอเลคชั่นที่อยากได้..ตั้งตระหง่านอยู่ แต่..ไม่ได้อยากได้ชิ้นนั้นจึงถามพนักงานในร้านว่า.."ลายนี้มีรองเท้าไหมค่ะ?" พนักงานก็หยิบแบบนึงในคอเลคชั่นเดียวกันมาให้ดู ดิฉันก็บอกว่า.."ไม่ใช่ค่ะ คู่ที่อยากได้เป็นผ้าใบ"(ป.ล.ใช้คำหรูกว่านั้นก็แล้วทั้ง"Sneakers"และ"Trainers"ตามที่จะนึกออก) แต่พนักงานก็ยังยืนยันว่า"ไม่มี" แล้วยังมองดิฉันแบบงงๆพร้อมกับถามดิฉันว่า"ไปเห็นที่ไหนมา?" ดิฉันก็บอกไปว่า.."ที่ไหนๆก็มีภาพรองเท้าคู่นี้" คราวนี้พนักงานในร้านเริ่มมาล้อมดิฉันเยอะขึ้นและอธิบายว่า"ร้านเราของเข้ามาครบทุกชิ้นครับ สิินค้ามีทั้งหมดเท่านี้" อะไรน่ะ..มีเท่านี้..5..5..5 กระเป๋าหนึ่งใบกับรองเท้าหนึ่งคู่เนี่ยน่ะ..5..5..5 อยากหัวเราะเยาะเย้ย..เหวยๆฟ้า.. อืม..ม..ม..ยัง..ยังไม่จบ ดิฉันเลยถามต่อว่า"ไม่ได้สั่งเข้ามาเหรอค่ะ?" พนักงานขายตอบแบบว่า.."ของเราครบทั้งคอเลคชั่นครับ" เล่นเอาดิฉันถึงกับกลายเป็นหิน แล้วนึกทบทวนให้ดีๆว่า..ดิฉันฝันไป..หรือพนักงานได้รับการอบรมมาไม่ดีเพียงพอ(5..5..5)

ภาพด้านบนที่นำมาประกอบ..คือรองเท้าคู่ที่ดิฉันอยากได้..แน่นอนดิฉันไม่ได้ฝันไป..5..5..5 เพราะนอกจากมีภาพแล้วมันยังมีราคาอีกด้วยโดยอยู่ที่ 315 USD..นั่นคือมันมีอยู่บนโลกนี้แน่ๆ..5..5..5 สงสัยอยากได้อะไรคงต้องรอไปซื้อเมืองนอก..พอกันที ไม่ได้รวย..แต่ไม่อดทนกับเรื่องแบบนี้

ป.ล. จริงๆเรื่องมันยาวพอที่จะออกพอคเกตบุ๊คชื่อหนังสือว่า"รองเท้าเจ้ากรรม"ในความหนาประมาณ 315 หน้า(ปกอ่อน)ได้..5..5..5 เพราะมันมีรายละเอียดในการโต้เถียงระหว่างดิฉัน(ลูกค้าผู้น่าสงสาร)และพนักงานขาย(ผู้มั่นใจ)..ยาวเหยียด..ยิ่งกว่าการชอปปิ้งครั้งใดๆในชีวิต..5..5..5

Picture & Details : Ssense

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

Fall/Winter 2013-2014 : Menswear !


เคยอ่านคอมเมนต์ใน"Youtube"ของแฟชั่นโชว์ผู้ชายแบรนด์นึง..ชีแสดงความเห็นไว้ว่า.."เสื้อผ้าผู้ชายน่าเบื่อ วนไปวนมาไม่มีอะไรน่าสนใจ" มาวันนี้..ดิฉันมีทางเลือกให้กับเธอว์ผู้นั้นค่ะ รับรองหายเบื่อ..ตั้งแต่ลองชุด และอาจถึงขั้นตื่นเต้นจนเสียวซ่านจี๊ดๆ..เมื่อออกไปเดินถนนหรือโดยสารรถไฟในชั่วโมงเร่งด่วน สำหรับใครที่มีความคิดว่าเสื้อผ้าผู้ชายมันเดิมๆ..และแนวนี้น่าจะใช่ แต่ไม่อยากซื้อแบรนด์นอก อยากสนับสนุนดีไซน์เนอร์ไทย ดิฉันมีทางออกค่ะ น่าจะลอง.."Something Boudoir","Sretsis"หรือ"Milin"ไซส์ใหญ่..น่าจะทดแทนกันได้ ใส่แล้วได้ผลประการใด..หายเบื่อรึยัง? อย่าลืมส่งผลมาให้ทราบกันบ้างน่ะค่ะ

1 : J.W. Anderson (London)
2 : J.W. Anderson (London)
3 : J.W. Anderson (London)
4 : Mikio Sakabe (Tokyo)
5 : Mikio Sakabe (Tokyo)
6 : Mikio Sakabe (Tokyo)

Picture : Style , Fashionsnap

Fall/Winter 2013-2014 : Mikio Sakabe


ถ้านับแฟชั่นวีคในเอเซีย.."โตเกียว แฟชั่นวีค"ก็คงใหญ่และน่าสนใจที่สุดแล้ว และนี่ก็เข้ามาถึงวันที่ 4 ของงานจากทั้งหมด 7 วัน..เป๊ะๆ ก็ตาม..แฟชั่นวีคทั่วไปบางโชว์ก็ไม่มีในตารางอย่างเป็นทางการ หรือบางทีมีอยู่ในตาราง..ก็ไม่เดิน..ยกเลิกซ่ะงั้น..5..5..5 เหมือนเจ้าของบล็อคนี้..เขียนบ้าง..ไม่เขียนบ้าง เอาน่า..แต่ล่ะคนมักมีเหตุผลส่วนตัว..5..5..5

มาเข้าเรื่องของโชว์นี้กัน ดิฉันไม่เคยติดตามผลงานของ"Mikio Sakabe"มาก่อนเลยไม่รู้ว่านี่คือ.."Menswear"..หรือ.."Womenswear"แต่ให้นายแบบใส่..5..5..5 แต่เท่าที่อ่านจากที่อื่นเขาว่านี่คือ"Menswear"..เออ.."Menswear"ก็"Menswear" แหมจะไปแปลกอะไรกัน..แนวนี้"J.W. Anderson"ก็ทำมาแล้ว และอีกอย่าง..ถ้ายังนับ"Yu Masui"ว่าเป็นเพศชาย..นี่ก็คงนับเป็น"Menswear"ได้ แบบว่า..แมนๆ..คุยกันคร๊าฟ..ฟ..ฟ..ฟ..ฟ..ฟ..5..5..5

Picture : Fashionsnap

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

รู้ไว้ใช่ว่า : 5 ปีที่ผ่านมา..กับสิ่งที่คุณไม่ได้อยากรู้ (5..5..5)


นี่บล็อคนี้ครบรอบ 5 ปีไปแล้วอย่างเงียบๆ..เพราะเจ้าของเดี้ยง..5..5..5 แต่เมื่อทบทวนดูบทความก็เห็นว่าชนรอบพอดี เพราะบทความแรกของบล็อคเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2008 ก็เกี่ยวกับงาน"ELLE Fashion Week" และในปีนี้..2013..ก็ลงตารางไปแล้วเช่นกัน(5 มีนาคม 2013) หลายแบรนด์หายไปจากแฟชั่นวีคประเทศไทย..ในทางกลับกันกลับไม่ค่อยมีแบรนด์ใหม่เข้ามา..เอ๊ะ..ยังไงกัน..5..5..5 แฟชั่นทั่วทั้งโลกนี้..มีวัฎจักรของมัน..มีทั้งรุ่งเรือง..และล่มสลาย เหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วๆไป


ตั้งแต่เขียนมา 5 ปี..คนยังเข้ามาดูไม่เคยถึงล้าน ทีบล็อคอื่นๆที่ไร้สาระของเจ้าของเดียวกันกลับมีคนเข้าดูปีล่ะ 5 ล้าน..แหม..ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี คนเขียนคนเดียวกันแท้ๆ..5..5..5 แน่นอนบล็อคนี้เป็นภาษาไทย จะมีคนชาติอื่นเข้าดูเยอะกว่าคนไทย..ย่อมเป็นไปไม่ได้ อันดับหนึ่งย่อมตกเป็นของชาวสยามประเทศด้วยจำนวนการเข้าชม 465,025 ครั้ง(แน่นอนครั้ง..ไม่ใช่คน) ตามมาด้วย"อเมริกา",อังกฤษ","ฝรั่งเศส"และ"เม็กซิโก"(อืม..ม..ม..งง..น่ะ อันดับ 5 เนี่ย 5..5..5) ในเอเซียประเทศที่เข้ามาดูเยอะที่สุดนอกจากเพื่อนร่วมชาติคือ.."ญี่ปุ่น"และ"จีน"



ส่วนบทความที่มีคนเข้าชมมากเป็นอันดับหนึ่งตลอดกาล..และไม่เคยหล่นไปจากอันดับหนึ่งของบล็อคนี้ืเลย..คือ"Spring/Summer 2011 : Men's Hair & Makeup"เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2010 ด้วยจำนวนการเข้าชม 35,009 ครั้ง(นี่นับรวมตัวเลขที่ยังวิ่งอยู่เรื่อยๆ) เอาล่ะจบเหอะ..แหมคนดูก็น้อยอย่าเมาท์มาก..อายเค้า..5..5..5

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

Fall/Winter 2013-2014 : Seoul Fashion Week


สงสัยปีนี้จะไม่ได้ไปเหยียบ..เกาหลีเป็นแน่แท้ เพราะฤกษ์ไม่ดีตั้งแต่ต้นปี..ซื้อตั๋วจองโรงแรมเสร็จ..อีกไม่กี่วันก่อนที่จะเดินทาง..ก็ป่วยจนเปลี้ยง่อยจนเพื่อนต้องหามไป..ห้องฉุกเฉินกลางดึก แหมน่ะ..แก่ก็แก่..กรรมก็เยอะ..ก็ย่อมเป็นไปตามวาระ..5..5..5 มาถึงโซลแฟชั่นวีคที่ซีซั่นที่แล้วทางคนจัดโดนทั้งบายเออร์และสื่อต่างชาติสวดยับเรื่องสถานที่จัด จนต้องย้ายสถานที่มาจัดกันที่"IFC Seoul"ซึ่งน่าจะกว้างขวางกว่า..แต่ก็นั่นแหละ..เหมือนสังขารของดิฉัน..5..5..5 รายชื่อดีไซน์เนอร์หายกันไปจนน่าใจหายมากกว่าครั้งก่อนๆ โชว์เสื้อผ้าผู้ชายที่เคยจัดกันแบบเต็ม3วันก็หดหายลงไปเหลือแค่วันกว่าๆ แถมแบรนด์ดังๆที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวต่างชาติ..ก็หายไปเกินครึ่ง เราคงต้องคอยดูกันต่อไปในซีซั่นหน้าว่า..โซลแฟชั่นวีคจะสามารถดึงแบรนด์ต่างๆกลับมาร่วมโชว์ได้ไหม

Schedule : Seoul Fashion Week

Fall/Winter 2013-2014 : Maison Martin Margiela's Details


Picture : Style Bistro

วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556