วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Fall/Winter 2012-2013 : Paris's Preview

Rue du Mail

Rue du Mail : ไม่รู้ว่า..ทั้งโชว์จะสวยรึปล่าว ไม่มีใครตอบได้ แต่จากภาพด้านบนดิฉันว่าสวย  "Martine Sitbon"(ซ้าย)กับงานฟิตติ้งขั้นตอนสุดท้ายของ"Rue du Mail"

Balmain (Left) , Felipe Oliveira Baptista (Right)

Balmain :  "Olivier Rousteing"(ขวา)กับคอเลคชั่นที่สองของ"Balmain" เท่าที่ดู"Olivier Rousteing"น่าจะ..น่าจะ..ประคับประคอง"Balmain"ไปได้ ถ้าคนชอบ"Balmain"ในแบบที่มีรายละเอียดมากขึ้น..ร๊อคน้อยลง..ก็น่าจะไปกันตลอดรอดฝั่งทั้งแบรนด์และดีไซน์เนอร์ อ้าว..นี่"Baroque"มาอีกแบรนด์แล้ว เก็บตังไว้ซื้อกำไล"Balmain"ดีกว่า..

Felipe Oliveira Baptista : นี่คือคอเลคชั่นที่สองของตัวเองตั้งแต่เข้าไปทำ"Lacoste" คงต้องดูกันว่าจะออกมาเป็นยังไง โดยส่วนตัวดิฉันว่า..ผลงานส่วนตัวของ"Felipe Oliveira Baptista"(ซ้าย)ดูเรียบขึ้น ไม่"ฉูดฉาด"เหมือนกับผลงานยุคแรกๆ ก็ยังเป็นแนวเดิมน่ะ..แต่มันเรียบ..เมาท์ รูปมีแค่ชุดเดียว..รอดูโชว์ก่อนซิย่ะ..5..5..5

Carven (Left) , Mugler (Right)

Carven : ดาวรุ่ง..ใช้คำนี้กับ"Guillaume Henry"(ขวาที่นั่งโพส..ประกบนางแบบ)ได้ใช่ไหม?..5..5..5 "Carven"แบรนด์เก่าแก่ของฝรั่งเศสที่สื่อและบายเออร์หันมามองก็เพราะผลงานออกแบบของ"Guillaume Henry" ถึงแม้จะไม่ได้ดังและเป็นที่กล่าวขวัญลงสื่อมากมายเหมือนบางแบรนด์ แต่"Guillaume Henry"ก็สามารถทำให้คนหันกลับมาสนใจ"Carven"ได้ นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย

Mugler : ดาวรุ่ง..ก็ต้องมีดาวร่วง..เป็นของคู่กัน การคุมแบรนด์"Mugler"ของ"Nicola Formichetti"(ขวา..เห็นแค่นั้นก็รู้แล้วว่าใคร)ยังไม่สามารถพาแบรนด์ไปไหนได้จากที่เดิม เพราะเอาเวลาใส่ใจคอเลคชั่น..ไปพรีเซนท์ตัวเองหมด..กร๊าก..ก..(ปากร้าย) ไม่รู้อนาคตของ"Mugler"จะเป็นอย่างไรต่อไป ว่าแต่..ซีซั่นนี้ยังจะเอานักร้องคนนั้นกลับมาร้องเพลงห่วยๆซวยหู..แบบซีซั่นที่แล้วรึปล่าวค่ะ?

Picture & Details : WWD

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Schiaparelli and Prada: Impossible Conversations


งานนิทรรศการใหญ่ของปีนี้ งานที่รวมเอาผลงานของสองดีไซน์เนอร์ต่างยุคเข้าไว้ด้วยกัน"Miuccia Prada"และ"Elsa Schiapparelli" ดิฉันเป็นคนที่ไม่ชำนาญ(สันทัด?)เรื่องของ"Elsa Schiapparelli"ทำให้ยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมถึงรวมสองคนนี้เข้าด้วยกัน? เพราะในความรู้สึกของดิฉันดิฉันคิดว่า"Elsa Schiapparelli"นั้นมีงานที่ค่อนข้างดู"เหนือจริง"เยอะ ในขณะที่ผลงานของ"Miuccia Prada"นั้นค่อนข้างดูจริงจัง มีอยู่แค่อย่างเดียวที่ทั้งสองคนเหมือนกันคือเป็นคนอิตาเลี่ยนทั้งคู่


นี่เป็นภาพจากงานแถลงข่าวที่เพิ่งมีไปเมื่อวันที่ 24 เดือนนี้ที่มิลาน โดยตัวงานจริงๆจะจัดขึ้นที่"The Metropolitan Museum of Art"(อีกแล้ว)ที่นิวยอร์ค ในในระหว่างวันที่ 10 พฤษภาคมถึงวันที่ 19 สิงหาคมปีนี้ ตัวงานโดยคร่าวๆจะมีการแบ่งเสื้อผ้าของทั้งสองดีไซน์เนอร์ออกเป็น 6 ส่วน โดยการจัดกลุ่มเสื้อผ้าที่อยู่ในลักษณะที่คล้ายกัน ถึงดูตัวอย่างแล้ว..จะเข้าใจถึงความคล้ายคลึงกันในแต่ล่ะกลุ่มก็ตาม แต่ดิฉันก็ยังคิดว่า..ถ้าด้วยแนวคิดผลงานของ"Karl Lagerfeld"บางส่วนในยุคแรกๆยังดูเหมือนผลงานของ"Elsa Schiapparelli"มากกว่าของ"Miuccia Prada" แต่นั่นก็อาจจะไม่ใช่ประเด็นก็ได้..5..5..5


วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Fall/Winter 2012-2013 : Jil Sander


นี่คืออีกหนึ่งผลงานยอดเยี่ยมที่ตัดกับผลงานของ"Dolce & Gabbana" แบบมากสุดกับน้อยสุด..นี่คือข้อพิสูจน์ว่าเสื้อผ้าสวย..ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมากหรือน้อย..แต่ขึ้นอยู่กับว่ามันลงตัวไหม? ตอนที่ดิฉันได้ดูผลงานสั่งลาของ"Raf Simons"ในคอเลคชั่นนี้เป็นครั้งแรกนั้น มันทำให้ดิฉันนึกถึง.."Christian Dior"ที่โดนลดทอนรายละเอียดลง..โดยเหลือแต่สัญลักษณ์บางส่วนไว้ ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับตอนดู"Dolce & Gabbana"เหมือนกัน โดยของ"Dolce & Gabbana"นั้นทำให้ดิฉันนึกถึงผลงานบางส่วนในยุคต้นๆของ"Romeo Gigli"..หรูหรา..และอิตาเลี่ยน..


ในขณะที่"Dolce & Gabbana"นั้นมีแนวคิดในคอเลคชั่นไปในทางเดียวกัน ทั้งวัสดุและการแสดงออก "Raf Simons"กลับนำเอายุคสมัยหลายยุคสมัยมารวมกันเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน แนวคิดโครงสร้างการใช้สีในแบบปลายยุค50ถึงต้นยุค60ผสมกับวัสดุในแบบไฮ-เทคสปอร์ตแวร์ การทำเสื้อเรียบ..ที่เรียบมากๆให้ประทับใจคนที่ได้ชม..เป็นเรื่องยาก เพราะมันต้องไม่มีข้อบกพร่อง..เพราะถ้ามันมีมันจะเห็นชัดมาก งานคราวนี้ยังคงดูเป็น"Raf Simons"และ"Jil Sander"แบบไม่มีข้อบกพร่อง สวยตั้งแต่สี..ความหมาย..ไปจนถึงวัสดุ ชมพูกุหลาบ,ม่วงไลแลค,สีเงิน,และสีสะท้อนแสง..เป็นอะไรที่มารวมกันได้ยาก แต่"Raf Simons"ทำได้และสวยมาก


Picture :Style Bistro

Fall/Winter 2012-2013 : Dolce & Gabbana


มิลานซีซั่นนี้คนสวย..จะสวยมาก มีตั้งแต่สวยแบบสั่งลาอย่าง"Jil Sander"..ไปจนถึงสวยจนดูแบบเหมือนจะเอาชนะอะไรบางอย่าง..อย่าง"Dolce & Gabbana" ที่มีหลายคนวิจารณ์ว่า.."มันเยอะไป" แต่นี่มันแฟชั่นโชว์น่ะ..ไม่ใช่เดินถนน แฟชั่นโชว์ต้องการอารมณ์ร่วมและขยายความผลงานของดีไซน์เนอร์สู่ผู้ที่ได้เข้าไปชม ไม่ใช่ทำมาเพื่อโชว์ตัวสินค้าอย่างเดียว ถ้าอยากดูแบบนั้นคงต้องรอดูในโรบินสันอย่างเดียว..5..5..5


ที่เขียนว่าผลงานในครั้งนี้ของ"Dolce & Gabbana"ดูเหมือนจะเอาชนะ..หรือประกาศอะไรบางอย่างนั้น เพราะชิ้นงานทั้งหมดรวมไปถึงฉาก..ไม่มีอะไรธรรมดาเลย ความเยอะ..นั่นไม่ใช่ความหมายของแฟชั่นอย่างที่บางคนเข้าใจ ในแต่ล่ะชิ้นไล่ไปตั้งแต่ชุดไปจนถึงเครื่องประดับ มันดูเยอะ..แต่ในความเยอะนั้น เขาไม่ได้ระบุว่า..เวลาซื้อไป..ต้องเอาไปใส่ด้วยกัน..5..5..5 งานคราวนี้ตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงเครื่องประดับดูมีรายละเอียดและพิถีพิถัน แบบว่า.."ใส่ชิ้นเดียวอยู่"..ไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหน..หรือชุดไหน


ในส่วนของสไตล์ลิ่งนั้นโดยรวมๆทำให้โชว์ครั้งนี้ของ"Dolce & Gabbana"ดูคล้ายกับภาพเขียนโบราณในยุค"Baroque"ที่มีชีวิต แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เวทย์มนต์..แต่มันเกิดขึ้นจากการออกแบบการแต่งหน้า,การทำผมและการจัดไฟ นั่นคือการสร้างอารมณ์ร่วมที่พาผู้ชมให้คล้อยตามไปกับผลงานของดีไซน์เนอร์  ส่วนในรายละเอียดของเสื้อผ้าแน่นอนว่าทุกอย่างเลือกจากวัสดุชั้นดี มีการตกแต่งด้วยเทคนิคงานปักชนิดต่างๆ ซึ่งงานบางอย่างเป็นงานที่ยากมาก เพราะเป็นการปักลงบนวัสดุที่ไม่แน่นและไม่คงที่ นั่นคือคุณค่าที่แท้จริงของเสื้อผ้า

ดิฉันคงไม่กล้าเขียนว่านี่คือผลงานที่สวยที่สุดของมิลานในซีซั่นนี้ เพราะดีไซน์เนอร์แต่ล่ะคน..มีแนวทางการแสดงออกที่แตกต่างกัน และที่สำคัญมันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนจำนวนมากที่ได้ชม..ชอบหรือเกลียดมัน และยอมรับมันมากน้อยขนาดไหน


วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

รู้ไว้ใช่ว่า : ไม่มีอะไรใหม่ในแฟชั่น


เมื่อก่อนนี้คนโบราณมักสติแข็ง แต่ปี..สองปีมานี้..คนปัจจุบันดูขี้ตกใจมากขึ้น เส้นตื้น..ตกใจอะไรง่ายไปหมด ก็ดีน่ะ..เหมือนหนัง"50 First Dates"วันรุ่งขึ้นก็จำอะไรไม่ได้แล้ว..5..5..5 ทุกอย่างใหม่ตลอด..ไม่เคยเจอ..ไม่เคยพบ..ไม่เคยเห็น ก็ดี..

Picture : T Magazine , Style , Bershka

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

MFF : February 2012


ชาวบ้านเขาเพิ่งเอาเสื้อซัมเมอร์2012ขึ้นปกกัน อย่ากระนั้นเลย..ว่าแล้ว"Givenchy"ก็ขนเอาเสื้อหน้าหนาว2012-2013ที่เพิ่งเดินไปแว๊บ..แว๊บ..มาขึ้นปกหนังสือ"MFF"ของเดือนนี้ ถ่ายสวยและได้ใจความตามแนวคิดของเสื้อผ้า เล่มนี้จะมีขายเมืองไทยไหมเนี่ย..ย..?


ซีซั่นนี้ดิฉันเขียนเรื่องเกี่ยวกับโชว์น้อยมาก..ไม่ใช่ไม่เขียน..แต่มันเขียนไม่เสร็จไง..5..5..5 เขียนดองไว้..ประมาณ 80 โชว์..5..5..5 แหม..แต่เดี๋ยวก็เอาลงน่า..อะไรน่ะ?..ไม่มีคนคอยอ่าน?..5..5..5 ต๊าย..ย..ทำร้ายน้ำใจกันอีกแล้ว..5..5..5


Picture : Design Scene

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Biba : 1964 - 1975


มีคนบอกว่า..ถ้าไม่มี"Biba"ก็คงไม่มี"Zara"และ"H&M" และเคยได้ยินมาว่า"Biba"คือแรงแรงบันดาลใจต่อคุณ"ดวงตา นันทขว้าง"ในการทำแบรนด์"Soda Pop" ยิ่งใหญ่,สร้างสรรและมีอิทธิพลต่อแรงบันดาลใจของวงการแฟชั่นในรุ่นต่อมา แต่..ทุกวันนี้ไม่มี"Biba"อีกแล้ว "Biba"เคยพยามยามกลับมาหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา..แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะนี่ไม่ใช่ยุคของ"Biba"อีกแล้ว

Picture : Big Biba by Steven Thomas & Alwyn w Turner

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Fall/Winter 2012-2013 : Thakoon's Basketry


Picture : T Magazine , Complete Collection : Thakoon

Fall/Winter 2012-2013 : Tommy Hilfiger


โชว์เสื้อผ้าผู้ชายจากนิวยอร์คโชว์สุดท้ายที่ดิฉันเลือกมาเข้าตำแหน่งหนึ่งในห้า.."Tommy Hilfiger" คงมาจากสีเป็นเรื่องใหญ่เขียวขี้ม้า,แดงแบบเบอร์กันดี้(ที่นัยว่าเป็นสีฮิตของนิวยอร์คซีซั่นนี้)และน้ำเงินอมเทา ทั้งสีและรายละเอียดน่าจะมาจากเครื่องแบบทหาร..ทหารแคนาดา..น่าจะ..น่าจะอย่างนั้น แต่ที่ดิฉันไม่ชอบเลยคือฉากและเสื้อผ้าบางชุดมันดูเยอะ..เยอะจนดูไม่น่าจะเป็น"Tommy Hilfiger"ได้ โดยเฉพาะบางชุดอย่างหนังพิมพ์ลายที่แลดูเหมือน"Gucci"แบบ"บวมๆ"..5..5..5


Picture : WWD

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Fall/Winter 2012-2013 : GANT by Michael Bastian


หลังจากอกหักใจหายวาบไปกับโชว์ของ"Levi’s"ที่ออกมาผิดคาด..ไปในทางลบ(ล้บ..ลบ..5..5..5) ก็ยังดีที่โชว์ของ"GANT by Michael Bastian"ไม่ทำให้ดิฉันเกิดอาการแบบนั้น ไม่งั้นคงเป็นลม คือดิฉันนั้นหมายมั่นปั้นมือและ"หวัง"เอาไว้มากกับ"Levi’s" แต่นี่..ฆ่าตัวตายชัดๆ สไตล์ลิ่งติดลบเชย..เปลี่ยนชุดบนเวทีเนี่ยน่ะ ดิฉันว่าเหมือนโชว์ในห้าง"โรบินสัน" นั่นยังไม่รวมถึงการเลือกนายแบบ..ไม่น่าเชื่อที่"Levi’s"เลือกนายแบบ..ผสมกันแบบนั้น จะให้ดูว่าอะไร?..ทุกคนใส่"Levi’s"ได้? ตั้งแต่ตี๋หล่อ,ฝรั่งล่ำ..ไปจนถึงเออ..อ.."คนจรจัด"? เดี๋ยวๆ..นี่ดิฉันกำลังเขียนถึง"GANT by Michael Bastian"นี่นา..ไม่ใช่"Levi’s"..5..5..5


"GANT"ยังคงเป็น"GANT"ตราบใดที่ยังมี"Michael Bastian"ดูแลอยู่ นั่นก็ดีแล้วล่ะ ดีกว่า.."Levi’s"ไปไหนไม่รู้..5..5..5 ไป"Levi’s"อีกแล้ว ถึง"GANT"ยังคงไม่ไปไหน เสื้อสีและแบบที่เป็นสัญญาลักษณ์ประจำแบรนด์ยังคงอยู่ครบ ครบจนเหมือนบางตัวไม่ได้ทำใหม่..5..5..5(ก็..เสื้อริ้วน้ำเงินแดงปกขาวไง) แต่ก็น่ะ..นั่นคือ"สัญญาลักษณ์ประจำแบรนด์" ถ้ามันยังคงออกมาดูดี..มันก็คงยังอยู่ต่อไปเรื่อยๆ..5..5..5


อย่างที่เขียนไปถึง"GANT"จะเหมือนเดิ้ม..เหมือนเดิม แต่"GANT"ก็มีนั่นนี่ที่ตรงกับเทรนด์หน้าหนาวคราวนี้มาแอบๆอยู่ ซึ่งนั่นก็คือ"Badge"..มันคืออะไร? ก็เข็มกลัดกลมๆเล็กๆ(จะใหญ่ก็ได้ตำรวจไม่จับ)ที่ทำจากโลหะไงค่ะ ซีซั่นนี้เห็นมีกันหลายแบรนด์ตั้งแต่"McQ"มาจนถึง"GANT" ถึง"Badge"บางคนจะว่า..เป็นของที่เห็นจนชินตาและหาได้ทั่วไป แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่า..มันจะกลายเป็น"เทรนด์"หรือของ"ฮิต"ไม่ได้ อย่ามองข้าม"ของธรรมดา"..5..5..5


Picture : Style Bistro , WWD