วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

Gareth Pugh & Thakoon


จริงๆสองคนนี้ไม่น่ามาบรรจบพบกันได้เลยน่ะ..5..5..5 ภาพนี้มาจากงาน"After-Party"ของ"Gareth Pugh"ในปารีส

Picture : Style

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : Theirry Mugler


"Nicola Formichetti"กับผลงานดูแลแฟชั่นโชว์แบรนด์"Theirry Mugler"ของฝ่ายหญิงครั้งที่สอง ที่มาพร้อมกับเพลงของนักร้องคู่บุญที่มีเนื้อร้องว่า.."I am a Mugler Woman; Don't Fuck With Me. Don't Fuck With Mugler. Welcome to Paris; We are Paris." อืม..ม..นั่นคือดีแล้ว..ดีแล้วเหรอ?..5..5..5 ได้ข่าวว่า..พวกลูกสมุนฟังแล้วกรี๊ด..กร๊าด..กันใหญ่ แต่บังเอิญแฟนคลับของ"Theirry Mugler"ส่วนใหญ่กลับไม่ได้คิดแบบนั้น


ในส่วนของงานเสื้อผ้าของ"Sebastien Peigné" น่าจะเป็นการนำเอาผลงานเก่าจากคอเลคชั่นที่ชื่อ"Les Atlantes"จาก"Spring/Summer 1989"กลับมา..ทำอะไรน่ะ.."รีเมค"..ก็ไม่เชิงน่ะ..เพราะมันสวยไม่เท่าของเก่า..5..5..5 หลายชิ้นเกือบเหมือนของเดิมโดยเฉพาะกลุ่มสีที่ใช้ แต่ที่หายไป..ไม่ใช่แจ็คเก็ตมีครีบ..มีเหงือก..ที่เป็นชิ้นระดับตำนาน แต่ที่หายไปคือ..รสนิยม..อุ้ย..ไม่ใช่..แหม..รุนแรงไปนิด ที่หายไปคือความมีชีวิตชีวา..ฟังดูจะดีกว่า


ว่ากันว่าหนังสั้นที่ฉายด้านหลังในโชว์ นักร้องคู่บุญถึงขนาดยอมให้"Nicola Formichetti"เลาะฟันหน้าออกหมดปาก..อะไรน่ะ..อ๋อ..ไม่ใช่ซิ..แหมใครจะยอมให้กะเทยหน้าโครมันยองมาเลาะฟันได้ง่ายๆ แต่เป็นการใส่ฟันปลอมที่ทำจาก"Swarovski"ฝีมือของช่างทำเครื่องประดับชื่อ"Rodrigo Otazu" ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจที่หนังสั้นต้องโคลส-อัพหน้าของนักร้องบ่อยๆ..และนานๆ ก็เพราะต้องโชว์ฟันที่ทำมาไงค่ะ


Picture : Style Bistro , Details : Style , WWD

วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : Paris's Preview

ก่อนที่ปารีสจะเริ่มโชว์ในวันต่อๆไป(จริงๆเขาก็เริ่มไปแล้วน่ะ..5..5..5) เรามาดูแนวโน้มจากการเปิดเผยบางส่วนของเสื้อผ้าในโชว์ที่กำลังจะมีขึ้น เสื้อผ้าในบางโชว์น่าสนใจทั้งๆที่ไม่ใช่แบรนด์ดัง และในทางตรงข้าม..แบรนด์ดังบางแบรนด์กลับดูไม่น่าสนใจ อ้อ..ข่าวดีและข่าวร้ายในข่าวเดียวกัน ซีซั่นนี้ดิออร์คนคุมยังคงเป็น"Bill Gaytten"เหมือนเดิมค่ะ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี..5..5..5

Pedro Lourenço

Anthony Vaccarello (ซ้าย) , Felipe Oliveira Baptista (ขวา)

กลุ่มแรกนี้ไม่ได้เป็นดีไซน์เนอร์ดังที่สื่อจับตามองหรือแห่กันไปทำข่าวแบบพลาดไม่ได้ แต่จากเสื้อตัวอย่างที่เห็นน่าสนใจกว่าแบรนด์ดังๆของดีไซน์เนอร์อเมริกันบางแบรนด์เสียอีก นี่เทียบกันในความน่าสนใจไม่ใช่แนวทางของเสื้อ ซึ่งในสามคนนี้"Felipe Oliveira Baptista"คงเป็นคนเดียวที่มีผลงานออกมาเยอะที่สุดในช่วงนี้ เพราะขาดไปก็แต่ผลงาน"Haute Couture"ที่เคยทำมาก่อนหน้านี้

Christian Dior (ซ้าย) , John Galliano (กลาง) , Thierry Mugler (ขวา)

ส่วนกลุ่มที่สอง..เออ..อ..ใครที่เป็นแฟนคลับสามแบรนด์ด้านบนน่าจะข้ามบทความและภาพประกอบส่วนนี้ไป เพราะอาจสร้างความสะเทือนใจได้..5..5..5..แนะ..ยังมาขำอีก ภาพซ้าย..ถ้าไม่บอก..ถ้าไม่จำราวบันไดได้..จ้างให้ก็ไม่ใครรู้ว่าเป็น"Christian Dior" ภาพกลาง..ขนาดบอกชื่อแล้ว..ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเป็น.."John Galliano" ส่วนขวา..พูดได้แค่ว่าเสียดายทั้งชื่อ"Thierry Mugler"และผลงานของ"Sebastien Peigné" แต่ทั้งนี้..และทั้งนั้น..ก็ตามนั้นค่ะ..5..5..5

Picture : WWD

Spring/Summer 2012 : ข่าวดิออร์รายวัน


สำหรับคนที่สนใจเรื่องแฟชั่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ช่วงนี้คงไม่มีอะไรน่าสนใจและเป็นอาหารปากเท่ากับข่าวการหาดีไซน์เนอร์(ใหญ่)มาคุมทิศทางให้ห้องเสื้อ"Christian Dior" รายชื่อที่เข้าๆ..ออกๆ..ในแต่ล่ะวันที่มีข่าวล้วนแต่เป็นดีไซน์เนอร์ดัง..อะไรน่ะ..ระดับ"A List"..ใช่ไหม?..ตามศัพท์สมัยนี้..5..5..5 แต่ล่ะชื่อมีทั้งที่หลายคนเห็นด้วยอยากให้มาทำใจจะขาด ไปจนถึงอีกหลายชื่อที่อีกหลายคนภาวนาว่า..อย่ามาทำเลย..เจ้าประคู้ณ..ณ..5..5..5 แต่ไม่มีข่าวไหน..ทำให้ดิฉันขำ..เท่ากับข่าวด้านบน ขำช่วงไหน..ลองอ่านดู ถ้าอ่านแล้วหาช่วงขำไม่เจอ..น่าจะเส้นลึก..ไม่ว่ากัน..5..5..5

Picture : Vogue

Spring/Summer 2012 : Thimister


มาแล้ว..ปารีสวันแรก ว่าไปคนเรานี่ก็แปลก..บางคนอยากเป็นอะไรที่เป็นไม่ได้ แต่ก็ยังมีคนสนับสนุนให้เป็นอีก ปล่าวๆ..ดิฉันไม่ได้เขียนเรื่องการเมือง..5..5..5 เขียนถึงเรื่องแฟชั่นนี่แหละ ที่เขียนเพราะดิฉันเห็นบางห้องเสื้อในประเทศโลกที่สามชอบมีคำว่า..กูตูร์ต่อท้ายเวลาพูดถึงเสื้อผ้าตัวเอง ซึ่งดิฉันมองทีไร..นั่นมันกูตูร์แล้วเหรอ?


งานนี้ของ"Thimister"ถ้าถามดิฉัน..ดิฉันคงให้เป็นงานกูตูร์ ทำไมดิฉันถึงเขียนแบบนั้น?..ก็ดูการตัดเย็บซิค่ะ อย่ามา.."เจ๊ๆ..เขาไม่ปักเลื่อม..ไม่มีขนนก..เขาเป็นกูตูร์ได้เหรอเจ๊?" นั่นเป็นความเข้าใจ..ที่ไม่รู้ใครปลุกฝังมา จนกลายเป็นว่า..เวลาเขียนถึงกูตูร์คนจะนึกถึงเสื้อแบบนั้นหมด


ในโชว์นี้ของ"Thimister"เสื้อผ้าแต่ล่ะชิ้นน่าจะขยายความของคำว่ากูตูร์ได้ "ไม่เยอะ..แต่ยาก","ไม่มาก..แต่สวย" ดิฉันเป็นคนไร้ชื่อและเป็นคนนอกวงการเสื้อผ้า แต่อยากให้ใครทำอะไรก็ละอายใจไว้บ้าง ไม่ใช่ก๊อปเขามาทั้งดุ้นแล้วบอกว่า.."นี่คือเสื้อชั้นสูง" หวาย..ย..ถ้าอย่างนั้นตลาดล่างก็เป็นเสื้อชั้นสูงซิค่ะ..5..5..5

Picture : Style Bistro

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : Dolce & Gabbana


ถ้าจะทำเสื้อผ้าให้ดัง..มักมีทางเลือกแค่สองประเภท ประเภทแรกเป็นอาร์ต..ไม่เน้นขาย ประเภทหลัง..ข้าย..ขาย..ไม่เน้นอาร์ต..5..5..5 ซึ่งฝรั่งเศสเลือกที่จะเป็นประเภทแรก ส่วนอิตาเลี่ยนเลือกที่จะเป็นประเภทหลัง เสื้อดีไซน์เนอร์อิตาเลี่ยนมักมีคนบอกว่า.."ไม่ไปไหน" ก็จะให้เขาไปไหนล่ะค่ะ?..5..5..5 ประเทศเขาอยู่ในกลุ่มที่สามารถจับโลกแฟชั่นให้หันซ้าย..หันขวาได้ตามคำสั่ง


แฟชั่นของอิตาลีและฝรั่งเศส(จริงๆต้องรวมอังกฤษด้วยน่ะ..5..5..5) มีรากฐานที่แข็งแรงมั่นคง เพราะเขาช่วยกันสร้างให้มันแข็งแรง ทั้งรัฐบาลและเอกชน การทำแบบนี้ได้เพราะประชากรโดยรวมมีความเข้าใจในเรื่องแฟชั่น เสื้อผ้าของดีไซน์เนอร์อิตาเลี่ยนส่วนใหญ่มักได้แนวคิดหรือแรงบันดาลใจมาจากหนังอิตาเลี่ยนเก่าๆ


การที่เราชอบแบรนด์อะไรซักแบรนด์ คนอื่นเป็นยังไง..ดิฉันไม่สามารถทราบได้(ก็..ดิฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ..จะได้รู้ไปหมดทุกอย่าง..5..5..5) โดยส่วนตัวดิฉันนั้นไม่ได้ชอบไม่หมดทุกอย่างหรือทุกครั้งที่มีโชว์ อย่างโชว์ของ"Dolce&Gabbana"ซีซั่นนี้ดิฉันดูจบเมื่อคืน ก็มีความคิดในใจขึ้นมาทันทีว่า.."ฟินาเล่ต้องเป็นชุดคอนเสิร์ทครั้งต่อไปของใครซักคน.."Madonna"..หรือ.."Kylie"..5..5..5" ส่วนฉากนั้น..สวยน่ะ..แต่ทำให้ดิฉันนึกถึงโชว์ครั้งสุดท้ายของ"Kenzo"จากฝีมือของ"Antonio Marras"

Picture : Vogue , Style Bistro

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : Frankie Morello


"Frankie Morello"คราวนี้ดูคล้าย.."D&G"ผสมกับ"Moschino"แบบแรงๆ คือแบบว่า..ถ้าไม่ดูชื่อแบรนด์ อาจคิดว่าเป็นแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งที่กล่าวมาขั้นต้น..5..5..5 แหม..แต่ยังไงๆมันก็ดู"Italiano"มันก็ไม่ผิดคอนเซปอยู่แล้ว ยังดีกว่า..ว๊าย..ไม่เอาไม่เขียนถึงแล้ว ไม่ใช่เกรงใจแฟนคลับน่ะ แต่เปลืองพื้นที่..5..5..5


บางคนอาจบอกว่า.."น่าจะอ้างอิงจากงานของ"Gianni Versace"มากกว่าน่ะ" แหม..ถ้าเขียนแบบนั้น..เด็กๆสมัยนี้เห็นก็อาจบอกว่า.."หวาย..ย..ไม่เห็นเหมือนงานของ"Christopher Kane"เลยเจ๊"..5..5..5 ยุคสมัยเปลี่ยนไป..ภาพลักษณ์เปลี่ยนไป อย่าว่าแต่คนไทย..บางทีฝรั่งเองก็ลืมง่ายเหมือนกัน..5..5..5


ในส่วนงานของ"Frankie Morello"เอง ดิฉันว่า..เสื้อผ้าฝ่ายชายดูไม่มีจุดขายที่ชัดเจนหรือไม่น่าสนใจมาสองซีซั่นแล้ว ซึ่งผิดกับงานของผู้หญิงที่ตามเทรนด์ในซีซั่นนั้นๆ

Picture : Vogue , Style Bistro

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : Prada's Accessories


"Prada"ต่อกันอีกสักนิด เคื่องประดับซีซั่นนี้คงยังไม่มีใครเกิน"Prada" ทั้งแว่นตาและรองเท้า ส่วนกระเป๋าดิฉันว่าดูธรรมดาไปเมื่อเปรียบเทียบกับสองอย่างแรก..อันนี้ไม่รู้เหตุผล


Picture : Style Bistro , Vogue