วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ภูติ..ผี..ปีศาจ


ดิฉันเคยเขียนไว้ใน"Facebook"ของตัวเองไว้ว่า"ผีก็เหมือนความรัก ใครที่ยังไม่เคยเจอก็ยังไม่เชื่อว่ามีจริง" นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งมักบอกว่ามันคือความเชื่อหรืออุปทาน และมักหาข้อต่างๆมาโต้แย้ง เพราะเรื่องเหนือธรรมชาติเป็นเรื่องที่..ฝรั่งรับไม่ได้

ดิฉันเคยเจอเรื่องผีมาตั้งแต่เด็กๆ(คงไม่ใช่มองตัวเองในกระจกแล้วตกใจแบบบางคน..5..5..5) บ้านที่เคยอยู่มาแต่ล่ะบ้านทั้งบ้านตัวเอง(ที่ตอนนี้กลายไปเป็นของคนอื่น)และบ้านเพื่อนต่างดุเด็ดเผ็ดมันต่างกันไปคนล่ะแบบ แต่นั่นก็ทำให้ดิฉันรู้ว่าผีนั้นไม่ได้ทำให้ไฟดับๆติดๆหรือเขย่าโต๊ะ,เขย่าเตียงแบบในหนัง..5..5..5 แต่เขามาเหมือนคนปกติ เพียงแต่คนที่เราเห็นหรือเสียงที่เราได้ยินไม่ควรมาในเวลานั้นหรือเขาไม่สามารถที่จะอยู่ตรงนั้นได้อีกแล้ว ผีคือคนตายที่พยายามสื่อสารกับคนเป็น แน่นอน..มันน่ากลัว แต่นั่นไม่ใช่เจตนาของเขา

บ้านเก่าที่บางลำภูกับบ้านเพื่อนที่พงษ์เพชรน่าจะติดอันดับต้นๆของบ้านน่ากลัวในกรุงเทพ ไม่ใช่บ้านร้างหรือบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จตามที่รายการผีชอบพาไปลองของ..ผีที่ไหนจะมาอยู่ย่ะ จะให้ผีนั่งรถเมล์มาต่อสองแถวแล้วซ้อนวินมาหาบ้านร้างอยู่รึไง?..5..5..5

เมื่อหลายปีก่อนเคยฝันว่าตัวเองตาย(ตอนนี้ก็ไกล้แล้ว..5..5..5) แล้วอยู่ในนรก..มีหน้าที่เดินเอกสารระหว่างแผนก..5..5..5 นรกไม่ได้มีไฟร้อนแบบภาพเขียนในวัด(คงพัฒนาแล้ว..5..5..5) กลับมีหน้าตาคล้ายโรงพยายาลของรัฐเก่าๆ พัดลมไม่หมุน ไฟนีออนอ่อนแรงคล้ายจะดับมิดับแหล่ แต่ไม่มีใครกลัว..ก็เป็นผีกันหมด..จะกลัวอะไรอีกล่ะ..5..5..5 แล้วก็มีเสียงเรียกชื่อดิฉันมาจากแผนกประชาสัมพันธ์ของนรกที่อยู่หน้าลิฟท์ ดิฉันเดินไปหาป้าที่อยู่ในเคาน์เตอร์(ดูจากสภาพ..แกคงมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปีพ.ศ.2500..5..5..5) แกบอกว่าให้ดิฉันขึ้นไปข้างบน(ก็สวรรค์นั่นแหละ..)เอาเอกสารไปให้แม่ดิฉันเซนต์ใบรับรองการทำงาน..5..5..5 ดิฉันเดินไปกดปุ่มลิฟท์แบบโบราณ(กลมๆขาวๆนูนๆ) ลิฟท์เก่ารุ่นแบบปลายยุค60เล็กแบบที่จุผี4ตนได้ก็เต็มแล้ว พอลิฟท์เปิดออกดิฉันก้าวเข้าไปในลิฟท์ แน่นอนมีแค่สองปุ่ม..นรกกับสวรรค์ ดิฉันกดปุ่มที่จุดมุ่งหมาย..น่าจะดีใจเพราะได้เจอแม่..แถมได้ขึ้นสวรรค์(ชั่วคราว)..5..5..5 แต่..ดิฉันดูเฉยเมยไม่รู้ทุกข์รู้ร้อน พอประตูลิฟท์เปิดออก..อืม..ม..มันต่างกันจริงๆ..สวรรค์กับนรก ภาพสวรรค์ด้านนอกแลดูคล้ายลอบบี้ของโรงแรมรอแยลคลิฟท์ในช่วงปลายยุค70 สว่างไสวมองออกไปเห็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง มองไปอีกไม่ไกลแม่กำลังเดินมาในชุด"มูมู่"ผ้าไหมลายพร้อยพร้อมแว่นกันแดดทรงผีเสื้อสีเข้ากับชุด แม่เดินเข้ามากอดเหมือนตอนดิฉันเด็กๆ แล้วเอาเอกสารในมือดิฉันไปอ่านและเซนต์ เมื่อเซนต์เสร็จแม่ถามดิฉันว่าไม่อยู่ก่อนเหรอ? ดิฉันส่ายหน้า..แล้วเดินกลับไปที่ลิฟท์ ดิฉันหันกลับไปมองแม่ที่ยืนมองดูดิฉันครั้งนึงก่อนที่ลิฟท์ปิด ฝันก็จบลงแค่นั้น

พอเขียนมาถึงตรงนี้..เสียงเพลง"ยมบาลเจ้าขา"ก็ดังขึ้นมาในโสตประสาท โดยเฉพาะท่อนที่ว่า"เมื่อก่อนนี้เคยเห็นแต่ผีหลอกคน เดี๋ยวนี้ชอบกลเจอแต่คนหลอกผี" หลอกผี..ยังดี บางคนหลอกได้แม้แต่คนรอบข้างหรือกระทั่งตัวเองโดยที่ยังไม่ต้องตาย นั่นดิฉันว่าไม่น่ากลัวแต่น่าขำ

ไม่มีความคิดเห็น: