ว่ากันว่าทั้งเพลงและตัววิดีโอเพลงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง"Xanadu"(1980) "Xanadu"เป็นหนังเพลงดีสโก้ที่ออกมาตอนปลายยุคแล้ว เป็นหนังที่ดูไม่สนุก..ไม่สนุกเอาเลย ขาดๆเกินๆแลดูยัดเยียด แต่..หนังกลับกลายเป็นตัวที่บอกแฟชั่น,เพลงและกราฟฟิคของยุคที่กำลังเปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่มีที่ติ
วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
Goldfrapp : Alive (2010)
ว่ากันว่าทั้งเพลงและตัววิดีโอเพลงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง"Xanadu"(1980) "Xanadu"เป็นหนังเพลงดีสโก้ที่ออกมาตอนปลายยุคแล้ว เป็นหนังที่ดูไม่สนุก..ไม่สนุกเอาเลย ขาดๆเกินๆแลดูยัดเยียด แต่..หนังกลับกลายเป็นตัวที่บอกแฟชั่น,เพลงและกราฟฟิคของยุคที่กำลังเปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่มีที่ติ
วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
สี่แยกราชประสงค์
จริงๆจะเขียนมาแล้วหลายรอบ เขียนๆลบๆไปอีกหลายครั้งตั้งแต่ก่อนมีเรื่อง จนเมื่อหลังมีเรื่องเนี่ยแหละเลยได้เขียน เพราะดิฉันว่า..ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับย่านนี้ชักไม่ตามจริง แต่เรื่องนั้นช่างมันเพราะดิฉันไม่ใช่นักหนังสือพิมพ์..เพราะไม่ชอบนั่งเทียน แล้วก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ"วิกิพีเดียภาษาไทย"ด้วยจะได้เขียนประวัติข้อมูลในเวปไซท์ที่เขียนขึ้นโดย..มือสมัครเล่น บ่นอะไรยืดยาว..เข้าเรื่อง
ภาพนี้คือสี่แยกราชประสงค์น่าจะไม่เกินยุค70 ตึกยาวๆรูปตัว"L"ที่หน้าตาเหมือนศาลาว่าการจังหวัด คือโรงแรม"เอราวัณ"สมัยที่ยังไม่ได้ทำใหม่ ส่วนตึกที่มีโลโก้"BOAC"อยู่บนยอดตึกและตัวอาเขตที่อยู่รอบๆคือถนนเกษรที่กลายมาเป็น"ศูนย์การค้าเกษร"ในปัจจุบัน ร้านค้าภายในถนนเกษรมีเก๋ๆมากมายเช่นร้าน"Foxy Lady"(ว๊าย..ย..)ในยุค70เป็นร้านนำเข้าเสื้อผ้าดิสโก้มาจากเมืองนอก อะไรที่สมัยนี้มีร้านนี้มีมาหมดแล้วเสื้อยืดติดหลอด"LED"เป็นไฟวิ่ง,เสื้อยืดที่พิมพ์ด้วย"Hologram Transfer" นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสองดีสโก้เธคชื่อดังในยุค70อย่าง"Star Disco"ที่อยู่บนชั้นบนสุดของตึก"BOAC"และ"Anglelina"ที่ตั้งอยู่ในส่วนของอาเขตด้านล่างที่มีฟลอร์เต้นรำและเพดานแบบไฮโดรลิค และในต้นยุค80ยังเป็นที่ตั้งของร้านคาเฟ่ขึ้นชื่อหลายร้านเช่น"เม็ดทราย"ที่น่าจะนับเป็นร้านคาเฟ่ที่แปลกตาร้านแรกๆของกรุงเทพที่ตกแต่งด้วยของวินเทจทั้งร้าน แล้วยังมีร้านสวย..อายุสั้นอย่าง"Paper Moon"ของดีไซน์เนอร์ดังอย่าง"องอาจ นิรมล"ที่แต่งร้านแบบยุค50อย่างสวยงาม
รูปนี้อายุน่าจะไล่ๆกับรูปแรกฝั่งตรงข้ามในรูปหัวมุมคือตึก"BOAC" ที่เห็นเลยสี่แยกไปคือตึก"ศูนย์การค้าราชประสงค์"หรืออีกนัยหนึ่งคือที่ตั้งของ"เซ็นทรัลเวิลด์"ในส่วนที่เป็นอดีตห้าง"เซน"ในปัจจุบัน ภายในอาเขตของ"ศูนย์การค้าราชประสงค์"มีทั้งร้านอาหาร,คอฟฟี่ชอปและห้างดังอย่าง"ไทยไดมารู"สาขาแรกในปี1964 ก่อนที่ในช่วงกลางยุค70ที่ห้าง"ไทยไดมารู"จะย้ายมาเปิดใน"ราชดำริอาเขต"ศูนย์การค้าที่ใหญ่และทันสมัยกว่าในฝั่งตรงข้ามที่ปัจจุบันคืออดีต"Big C"สาขาราชดำริ "ศูนย์การค้าราชดำริอาเขต"เป็นศูนย์การค้าที่ทันสมัยมากในยุคนั้น นับว่าเป็นศูนย์การค้าที่ขายของแฟชั่นทันสมัยโดยตรงแห่งแรกๆ ต่างกับ"ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์"ในยุคนั้นที่ยังไม่เหมือนสมัยปัจจุบัน โดยที่"ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์"ดูคล้ายกับเป็นส่วนที่ขายของที่ระลึกของ"โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนลตัล"("ศูนย์การค้าสยามพารากอน"ในปัจจุบัน)
ภาพห้าง"ไทยไดมารู"ภายใน"ศูนย์การค้าราชประสงค์" ตรงที่มีกันสาดมีรูปดาวนั้นแหละค่ะทางเข้า"ไทยไดมารู" ห้าง"ไทยไดมารู"เปิดอยู่ตรงนี้หลายปีไม่เห็นโดน"อาถรรพ์"อะไร จนย้ายไปอีกฝั่งจึงเกิดเรื่องทั้งมีการประท้วงและไฟไหม้ในเวลาต่อมา ส่วนร้านค้าที่เหลืออยู่โดยรอบก็ยังค้าขายทำมาหากินกันมาจนถึงเมื่อปี1982 ถึงได้ย้ายกันออกไปเพราะการเวรคืนพื้นที่เพื่อสร้าง"เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์"
ภาพนี้คือสี่แยกราชประสงค์น่าจะไม่เกินยุค70 ตึกยาวๆรูปตัว"L"ที่หน้าตาเหมือนศาลาว่าการจังหวัด คือโรงแรม"เอราวัณ"สมัยที่ยังไม่ได้ทำใหม่ ส่วนตึกที่มีโลโก้"BOAC"อยู่บนยอดตึกและตัวอาเขตที่อยู่รอบๆคือถนนเกษรที่กลายมาเป็น"ศูนย์การค้าเกษร"ในปัจจุบัน ร้านค้าภายในถนนเกษรมีเก๋ๆมากมายเช่นร้าน"Foxy Lady"(ว๊าย..ย..)ในยุค70เป็นร้านนำเข้าเสื้อผ้าดิสโก้มาจากเมืองนอก อะไรที่สมัยนี้มีร้านนี้มีมาหมดแล้วเสื้อยืดติดหลอด"LED"เป็นไฟวิ่ง,เสื้อยืดที่พิมพ์ด้วย"Hologram Transfer" นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสองดีสโก้เธคชื่อดังในยุค70อย่าง"Star Disco"ที่อยู่บนชั้นบนสุดของตึก"BOAC"และ"Anglelina"ที่ตั้งอยู่ในส่วนของอาเขตด้านล่างที่มีฟลอร์เต้นรำและเพดานแบบไฮโดรลิค และในต้นยุค80ยังเป็นที่ตั้งของร้านคาเฟ่ขึ้นชื่อหลายร้านเช่น"เม็ดทราย"ที่น่าจะนับเป็นร้านคาเฟ่ที่แปลกตาร้านแรกๆของกรุงเทพที่ตกแต่งด้วยของวินเทจทั้งร้าน แล้วยังมีร้านสวย..อายุสั้นอย่าง"Paper Moon"ของดีไซน์เนอร์ดังอย่าง"องอาจ นิรมล"ที่แต่งร้านแบบยุค50อย่างสวยงาม
ภาพห้าง"ไทยไดมารู"ภายใน"ศูนย์การค้าราชประสงค์" ตรงที่มีกันสาดมีรูปดาวนั้นแหละค่ะทางเข้า"ไทยไดมารู" ห้าง"ไทยไดมารู"เปิดอยู่ตรงนี้หลายปีไม่เห็นโดน"อาถรรพ์"อะไร จนย้ายไปอีกฝั่งจึงเกิดเรื่องทั้งมีการประท้วงและไฟไหม้ในเวลาต่อมา ส่วนร้านค้าที่เหลืออยู่โดยรอบก็ยังค้าขายทำมาหากินกันมาจนถึงเมื่อปี1982 ถึงได้ย้ายกันออกไปเพราะการเวรคืนพื้นที่เพื่อสร้าง"เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์"
วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
Alexander McQueen : Spring/Summer 2005
หากมองย้อนกลับไปไม่มากไม่มายแค่6-7ปีก่อน คอเลคชั่นนี้ถึงไม่ใช่เสื้อผ้าผู้ชายคอเลคชั่นแรกของ"แมคควีน" แต่ก็เป็นคอเลคชั่นแรกที่มีการโชว์ผลงานเป็นเรื่องเป็นราว..ไอ้วิดีโอ"F/W 2004-2005"ที่ว่าเป็นคอเลคชั่นแรกจะมีคนเคยเห็นสักกี่คนค่ะ? นอกจากเป็นคอเลคชั่นแรกของแมคควีนแล้ว ยังเป็นคอเลคชั่นเสื้อผ้าผู้ชายของ"แมคควีน"ที่ดิฉันฉันชอบหนึ่งในสองคอเลคชั่นด้วย(อีกโชว์คือ"F/W 2008-2009") แล้วยังเป็นคอเลคชั่นที่สร้างแรงบันดาลใจ(จนบางคนถึงกับ"ก๊อป")ทั้งสไตล์ลิ่งและเสื้อผ้าให้กับดีไซน์เนอร์คนอื่นๆอีกหลายคนในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็นคัตติ้งแบบเสื้อผ้าทหารไปจนถึงสีฝุ่นและลวดลายแบบอินเดีย
Picture : Alexander McQueen , GQ
D&G : Men's Spring/Summer 2003
เสื้อผ้าหลายแบรนด์ของผู้ชายในต้นๆยุค2000กลายมาเป็นแม่แบบของแฟชั่นในช่วงต่อๆมา D&Gเป็นแบรนด์ที่นำเอาเสื้อโปโลซึ่งถือว่า"ตาย"ไปแล้วจากวงจรแฟชั่นกลับมาเป็นของฮิต,ของจำเป็นในยุคต่อๆมา ประกอบกับในช่วงเวลาไล่เรี่ยกันทาง"Lacoste"ก็ได้ดีไซน์เนอร์ใหม่อย่าง"Christophe Lemaire"เข้ามาปรับปรุงแบรนด์ใหม่แบบว่าทำศัลยกรรมทั้งแบรนด์ เสื้อโปโลถึงได้กลับมาอยู่ในกระแสแฟชั่นจนถึงปัจจุบันนี้ อ้อ..ยังมี"Prada Sport"อีกตัวนึงด้วยที่มาช่วยทำให้กระแสเสื้อผ้ากีฬากลายเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น
Picture : Vogue Homme Men's Collection CD
Picture : Vogue Homme Men's Collection CD
ป้ายกำกับ:
Retrospective,
Vogue Homme Men's Collection CD
วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
Oh Yeah !
เมื่อ"Peter Marino"คนออกแบบร้านมาเจอกับดีไซน์เนอร์"Marc Jacobs"เข้าในงานเปิดสาขาใหม่ที่ลอนดอน
Peter Marino : ตัวเองทำไมเข่าอ่อนง่ายจัง..?
Marc Jacobs : ก็..ก็..มันชินอ่ะ พอเจอคนอื่นเข่ามันจะอ่อนโดยอัตโนมัต แล้วจะตามด้วยคออ่อนคอพับอ่ะ..ตัวเอง
Picture : Fashionologie
Peter Marino : ตัวเองทำไมเข่าอ่อนง่ายจัง..?
Marc Jacobs : ก็..ก็..มันชินอ่ะ พอเจอคนอื่นเข่ามันจะอ่อนโดยอัตโนมัต แล้วจะตามด้วยคออ่อนคอพับอ่ะ..ตัวเอง
Picture : Fashionologie
Cruise 2011 : Burberry Prorsum
ทหารราบ..ทหารเรือ..ทหารอากาศ..ยังไม่จากเราไปไหน ยังอยู่กับเราชั่วฟ้าดินสลาย แต่..อย่าเพิ่งปักใจไป เพราะนี่แค่"Burberry"แบรนด์เดียว
Picture : Style
Picture : Style
Madonna...1979
ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไหร่น่าจะโดนแปลงไฟล์มาจากวิดีโอ ว่ากันว่านี่คืองานแรกในวงการเพลงของมาดอนน่า เป็นหางเครื่อง..ว๊าย..ย..แดนซ์เซอร์ให้กับ"Patrick Hernandez"ในเพลงดัง"Born to Be Alive"เมื่อปี1979 ดูไม่ออกล่ะซิ..ผมสั้นกางเกงแดงคนหน้าสุด นั่นแหละมาดอนน่า
วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
Be Stupid !

Jean-Paul Gaultier for The Manhattan Transfer (1979)
ปกด้านหน้า(ซ้าย)และปกด้านหลัง(ขวา)ที่ต่างรุ่นผลิตกันของ"Twilight Zone/Twilight Tone": Image Discogs
"Twilight Zone"เป็นเพลงฮิตเพลงแรกและเพลงเดียวของวง"The Manhattan Transfer"ที่ทำออกมาเป็นเพลงดิสโก้ในแบบอิเลคโทรนิค เป็นเพลงโชว์ยอดฮิตของบาร์"แฮร์รี่ย์"สีลมซอยสองในช่วงปลาย 70's และน่าจะเรียกได้ว่าเป็นผลงานในยุคต้นๆของ"Jean-Paul Gaultier" หรืออาจจะเป็นงานแรกเสียด้วยซ้ำที่ทำให้กับงานมิวสิควิดีโอ ด้วยตัวงานที่เป็นชุด"จัมพ์สูท"สีดำขาวด้วยคัตติ้ง,แบบและเครื่องประดับแบบอวกาศอาจทำให้หลายๆคนนึกไปว่านี่เป็นผลงานของ"Thierry Mugler"
ป้ายกำกับ:
70's,
Disco,
Electronica,
Futuristic,
Music
Puma/McQueen : Fire
หนึ่งใน5ตอนของหนังโฆษณาจาก"Puma"(Alexander McQueen) โดยหนังแบ่งออกเป็น5ตอน..(Fifth Element ?)มี"Earth","Wind","Fire","Water"และ"Emptiness" ไปอ่านรายละเอียดและดูวิดีโอทั้งหมดได้ที่ : Show Studio
ป้ายกำกับ:
Advertising,
Alexander McQueen,
Designer Project,
S/S 2010
วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
A Single Man (2009)

Original : Sala Queer
วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
"Womanity" by Thierry Mugler

Picture : Frillr
"Bang" by Marc Jacobs


Picture : WWD
วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
Richard Bernstein for Grace Jones (1977-1979)





Picture & Details : Rate Your Music
วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
เปรียว : 1982
Picture : Magazinedee
วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
Issey Miyake : Plastic Bustier (Fall/Winter 1980-1981)


เสื้อเกราะพลาสติก(ไฟเบอร์กลาส?)ของ"Issey Miyake"มาจากคอเลคชั่น"Fall/Winter 1980-1981" มีบางที่เขียนว่าเป็นของปี1983(?) อาจเป็นการทำซ้ำหรือข้อมูลผิดพลาด เพราะจากรูปส่วนใหญ่ที่เจอจะบอกไว้ว่าเป็นรูปถ่ายในปี1980 ซึ่งเป็นเวลาแสดงผลงานของคอเลคชั่น"Fall/Winter 1980-1981" ซึ่งในรายละเอียดที่พบในการแสดงผลงานในคอเลคชั่น"Fall/Winter 1980-1981" มีดีไซน์เนอร์ที่เสนอผลงานเสื้อเกราะพลาสติกในแนวเดียวกันนี้ถึงสามคนได้แก่"Issey Miyake","Thierry Mugler"และ"Kansai Yamamoto"
Picture : Jalou Gallery , High Fashion
Histoire idéale de la mode contemporaine vol. I : 70-80 (3)
Olivier Saillad from highfashion ONLINE on Vimeo.
Olivier Saillard : An Ideal History of Contemporary Fashion (French)
Interview & Translation:Isabelle Sakai
Olivier Saillard : An Ideal History of Contemporary Fashion (French)
Interview & Translation:Isabelle Sakai
ป้ายกำกับ:
70's,
80's,
Exhibition,
Interview,
Thierry Mugler
วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
New York/Shanghai Haute Couture Resort 2011
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)