ดูคล้ายญาติห่างๆของดิฉัน เขารูปเยอะเมาท์น้อย(เพราะรูปเขาสวย..ไม่ได้ดาดๆเหมือนBlogดิฉัน) คล้ายกันตรงเรื่องแฟชั่นหลายยุคหลายสมัย,หนัง,ตกแต่ง,เพลง..ย้อนยุคกันไปถึงไหนๆ รูปสวย..จนน่าประหลาดใจ แล้วอัพเดทบ่อย..ไม่ใช่ตามมีตามเกิดแบบBlogนี้..
Link : planetfabulon
วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552
Magazine : High Fashion , Huge , Vogue Hommes Japan
วันนี้ไปเอาหนังสือที่"Kinokuniya"มา หลังจากที่พนักงานโทรมาตามแล้วห้าร้อยรอบ..จนรู้สึกอาย แต่ยังไม่ไปเอา วันนี้ได้ฤกษ์ไปเอาต้องแบกกลับมาสามเล่มดีที่ไม่หนักเท่าหนังสือฝรั่งไม่งั้นคงเป็นลม
High Fashion : จุดเด่นอยู่ที่การสัมภาษณ์ดีไซน์เนอร์ทั้ง22คนเกี่ยวกับการทำงาน เท่าที่อ่านดูมันไม่น่าเรียกการทำงานโดยทั่วๆไป แต่น่าจะหมายถึงการทำงานในคอเลคชั่นนั้นๆว่าทำยังไง..แรงบันดาลใจอะไรทำนองนั้น เฉพาะส่วนนี้ก็ปาเข้าไป44หน้าแล้วค่อนข้างดีค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้มีภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วย ไม่ทรมานคนอ่านเหมือนแต่ก่อน
Huge : เล่มนี้ไม่ค่อยมีอะไรเด่นมากนัก หนาว..ก็เล่มหน้าหนาวนี่นา แต่ยังคงหยิบชิ้นเสื้อผ้าสวยๆจากคอเลคชั่นมาถ่ายสวยและชัดเจนเหมือนเดิม
Vogue Hommes Japan : ก็สวยตามมาตรฐาน"Vogue Hommes"ญี่ปุ่นเหมือนเดิม เทรนด์ที่แน่ๆแม้แต่เล่มนี้ยังมีคืองานเลื่อม ทั้งผ้าเลื่อม,ปักเลื่อมรวมไปถึงวัสดุวูบวาบต่างๆ เล่มนี้ไม่อยากพูดถึงมากเวปญี่ปุ่น,เวปฝรั่งสแกนรูปลงจนแทบจะหมดเล่มแล้ว
High Fashion : จุดเด่นอยู่ที่การสัมภาษณ์ดีไซน์เนอร์ทั้ง22คนเกี่ยวกับการทำงาน เท่าที่อ่านดูมันไม่น่าเรียกการทำงานโดยทั่วๆไป แต่น่าจะหมายถึงการทำงานในคอเลคชั่นนั้นๆว่าทำยังไง..แรงบันดาลใจอะไรทำนองนั้น เฉพาะส่วนนี้ก็ปาเข้าไป44หน้าแล้วค่อนข้างดีค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้มีภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วย ไม่ทรมานคนอ่านเหมือนแต่ก่อน
Huge : เล่มนี้ไม่ค่อยมีอะไรเด่นมากนัก หนาว..ก็เล่มหน้าหนาวนี่นา แต่ยังคงหยิบชิ้นเสื้อผ้าสวยๆจากคอเลคชั่นมาถ่ายสวยและชัดเจนเหมือนเดิม
Vogue Hommes Japan : ก็สวยตามมาตรฐาน"Vogue Hommes"ญี่ปุ่นเหมือนเดิม เทรนด์ที่แน่ๆแม้แต่เล่มนี้ยังมีคืองานเลื่อม ทั้งผ้าเลื่อม,ปักเลื่อมรวมไปถึงวัสดุวูบวาบต่างๆ เล่มนี้ไม่อยากพูดถึงมากเวปญี่ปุ่น,เวปฝรั่งสแกนรูปลงจนแทบจะหมดเล่มแล้ว
วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552
A Night At Rome Club : Without Your Love
"โรม คลับ"หน้าหนึ่งของตำนานดีสโก้เมืองไทย แต่กลับไม่มีคนค่อยพูดถึง ทั้งๆที่ช่วงรุ่งโรจน์ในยุค80ใครๆก็เที่ยวแต่โรมนายแบบ,นางแบบ,ดีไซน์เนอร์ หรือคนรุ่นนั้นตายหมดแล้วเหลือแต่ดิฉันค้ำฟ้าอยู่คนเดียว เปิดเนตค้นหาคำว่า"โรม คลับ"ทั้งภาษาอังกฤษ,ภาษาไทยกลับเจอแต่การพูดถึงในช่วงสั้นๆจากคนยุคหลังๆก่อนโรมปิด จะบ่นไปทำไมเนี่ยมาๆ..ใครไม่เขียนดิฉันเขียน
โรมคลับดิฉันได้เที่ยวครั้งแรกเมื่อปี1979(หูย..ตรงยุคทีเดียว)ตอนนั้นโรมขนาดแค่คูหาเดียว ประตูเป็นทองเหลืองแกะนูนรูปผู้ชายแบบโรมัน พอเข้าไปด้านในมืดสนิท(ดีสโก้นี่ค่ะไม่ใช่โรงพยาบาล..จะได้สว่างขาวนวล) ด้านขวามือเป็นเคาน์เตอร์เครื่องดื่มจะสั่งดริงค์ก็ไปสั่งตรงนั้น เหนือเคาน์เตอร์เครื่องดื่มเป็นบู๊ทดีเจซึ่งในว่าเก๋เหลือเกินเพราะแผ่นเสียงที่เล่นไม่หมุนอยู่แนวนอนแต่หมุนในแนวตั้งขึ้น(นี่คือปี1979น่ะค่ะ) ส่วนทางด้านขวาเป็นที่นั่งยกสูงขึ้นไปมีเก้าอี้เรียงกันเป็นหน้ากระดานแถวเดียวเอาไว้ดูโชว์ ส่วนฟลอร์เดินจากยกพื้นสักขั้นสองขั้นลงมาที่ฟลอร์เป็นหินอ่อนสีขาว กำแพงทางด้านซ้ายมือเป็นกระจกเงาสูงตั้งแต่พื้นถึงเพดาน ซ้าย,ขวาของกำแพงด้านที่เป็นกระจกเงาเป็นเสามีแจกันประดับดอกไม้สูงท่วมหัว ส่วนด้านในสุดของบาร์เป็นเวทีโชว์..เล็กมาก..เล็กที่สุดในโลก ส่วนขวามือมีบันไดขึ้นไปชั้นสอง เคยมีคนเล่าให้ฟังว่าโรมเปิดมาตั้งแต่ช่วงปลายยุค60(กรี๊ด..ด..ด..)ตอนนั้นยังไม่ได้ชื่อโรมแต่ชื่อไซมีสอยู่ด้านสุริวงค์ เป็นบาร์เต้นรำ..แต่ไม่มีดีเจใช้หยอดตู้เอา(กรี๊ด..ด..ด..อีกรอบ)
แน่นอนส่วนหนึ่งนอกจากโรมจะเป็นที่สุมหัวยามดึกในยุคนั้นแล้วสิ่งหนึ่งที่คนไปเฝ้าดูคือ"โชว์" โชว์ลิปซิงค์ดิฉันความจำจะเลอะเลือนไปแล้วว่าโชว์กี่โมงห้าทุ่ม..หรือเที่ยงคืน แต่จำได้ว่าสมัยก่อนโชว์เร็วกว่ายุคหลังๆหรือปัจจุบันนี้ สิ่งที่ดิฉันจำได้ไม่น่าผิดคือเพลง"Without Your Love"ของวง"Cut Glass"(1979-1980) ที่ใช้เปิดก่อนโชว์อยู่เป็นประจำในช่วงหนึ่งจนเป็นที่รู้กันว่าถ้าเพลงนี้มาคือไกล้จะโชว์แล้ว
Download : withoutyourlove
โรมคลับดิฉันได้เที่ยวครั้งแรกเมื่อปี1979(หูย..ตรงยุคทีเดียว)ตอนนั้นโรมขนาดแค่คูหาเดียว ประตูเป็นทองเหลืองแกะนูนรูปผู้ชายแบบโรมัน พอเข้าไปด้านในมืดสนิท(ดีสโก้นี่ค่ะไม่ใช่โรงพยาบาล..จะได้สว่างขาวนวล) ด้านขวามือเป็นเคาน์เตอร์เครื่องดื่มจะสั่งดริงค์ก็ไปสั่งตรงนั้น เหนือเคาน์เตอร์เครื่องดื่มเป็นบู๊ทดีเจซึ่งในว่าเก๋เหลือเกินเพราะแผ่นเสียงที่เล่นไม่หมุนอยู่แนวนอนแต่หมุนในแนวตั้งขึ้น(นี่คือปี1979น่ะค่ะ) ส่วนทางด้านขวาเป็นที่นั่งยกสูงขึ้นไปมีเก้าอี้เรียงกันเป็นหน้ากระดานแถวเดียวเอาไว้ดูโชว์ ส่วนฟลอร์เดินจากยกพื้นสักขั้นสองขั้นลงมาที่ฟลอร์เป็นหินอ่อนสีขาว กำแพงทางด้านซ้ายมือเป็นกระจกเงาสูงตั้งแต่พื้นถึงเพดาน ซ้าย,ขวาของกำแพงด้านที่เป็นกระจกเงาเป็นเสามีแจกันประดับดอกไม้สูงท่วมหัว ส่วนด้านในสุดของบาร์เป็นเวทีโชว์..เล็กมาก..เล็กที่สุดในโลก ส่วนขวามือมีบันไดขึ้นไปชั้นสอง เคยมีคนเล่าให้ฟังว่าโรมเปิดมาตั้งแต่ช่วงปลายยุค60(กรี๊ด..ด..ด..)ตอนนั้นยังไม่ได้ชื่อโรมแต่ชื่อไซมีสอยู่ด้านสุริวงค์ เป็นบาร์เต้นรำ..แต่ไม่มีดีเจใช้หยอดตู้เอา(กรี๊ด..ด..ด..อีกรอบ)
แน่นอนส่วนหนึ่งนอกจากโรมจะเป็นที่สุมหัวยามดึกในยุคนั้นแล้วสิ่งหนึ่งที่คนไปเฝ้าดูคือ"โชว์" โชว์ลิปซิงค์ดิฉันความจำจะเลอะเลือนไปแล้วว่าโชว์กี่โมงห้าทุ่ม..หรือเที่ยงคืน แต่จำได้ว่าสมัยก่อนโชว์เร็วกว่ายุคหลังๆหรือปัจจุบันนี้ สิ่งที่ดิฉันจำได้ไม่น่าผิดคือเพลง"Without Your Love"ของวง"Cut Glass"(1979-1980) ที่ใช้เปิดก่อนโชว์อยู่เป็นประจำในช่วงหนึ่งจนเป็นที่รู้กันว่าถ้าเพลงนี้มาคือไกล้จะโชว์แล้ว
Download : withoutyourlove
Bangkok,Tokyo,Seoul Fashion Week 2009
Bangkok : ELLE Fashion Week A/W 2009-2010 15-18 October 2009
Link : bangkokfashionweek
Tokyo : Japan Fashion Week S/S 2010 19-24 October 2009
Link : tokyofashionweek
Seoul : Seoul Fashion Week S/S 2010 16-23 October 2009
Link : seoulfashionweek
Link : bangkokfashionweek
Tokyo : Japan Fashion Week S/S 2010 19-24 October 2009
Link : tokyofashionweek
Seoul : Seoul Fashion Week S/S 2010 16-23 October 2009
Link : seoulfashionweek
ป้ายกำกับ:
ELLE,
F/W 2009-2010,
Seoul,
S/S 2010,
Thai Designer
วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552
Spring/Summer 2010 "Trends" : สี่แผ่นดิน
ปีนี้คงเป็นปีแรกที่มีดีไซน์เนอร์นำคอเลคชั่นที่มีแรงบันดาลใจจากเมืองไทยออกมาโชว์พร้อมๆกันหลายคน ทั้งที่เป็นดีไซน์เนอร์ไทยเองไปจนถึงดีไซน์เนอร์ต่างชาติ ไม่ว่าที่"São Paulo Fashion Week"โดยดีไซน์เนอร์บราซิลอย่าง"Água de Coco"ที่นำเอาการนุ่งผ้าอย่างไทยมาประยุกต์ให้กลายเป็นชุดว่ายน้ำอย่างเหนือชั้น(รูปที่4และ5) "Thakoon"กับคอเลคชั่นที่นำเอาแพทเทิร์นเสื้อผ้าแบบเอเซียมาใช้ไม่ว่าจะเป็น"กิโมโน"หรือการนุ่งผ้าอย่างไทย(รูปที่3) "Koi Suwannagate"กับคอเลคชั่นที่ได้แรงบันดาลใจมากจากหนังสือ"สี่แผ่นดิน"ที่ได้นำเอาผ้าจากศูนย์ศิลปชีพมาใช้ในคอเลคชั่นนี้(รูปที่2) "Sawanya Jomthepmala"อาจารย์จาก"ม.ศ.ว."ที่นำผลงานที่ได้แรงบัลดาลใจจากรูปทรงของของวัดเอามาประยุกต์เป็นแพทเทิร์นและลายพิมพ์ในงาน"Academy Of Art University"(รูปที่1)
Spring/Summer 2010 : Thakoon
ดิฉันชอบเดรสตัวที่เป็นสี"Nude"ที่มีลายพิมพ์สีฟ้าแบบ"China Blue"สีแบบนี้สวยดีค่ะ "ฐากูร"เดินวันเดียวกับ"พี่มาก"เสมอมา คงโดนแย่งความสนใจไปบ้าง แต่ดิฉันว่าถ้าคนดูที่มีตาที่ยังโดนสั่งงานโดยสมองอยู่คงแยกแยะว่าคอเลคชั่นไหนผ่านการออกแบบมาเยอะกว่ากัน ในวันเดียวกัน"พี่มาก"ก็ได้นำผลงานการ"ก๊อปปี้"ออกมาแสดงโดยมีเหล่าคนดังมากมายไปชมการ"ก๊อปปี้"นี้
วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552
A Night At Studio 54 (1979)
เมื่อวันก่อนเปิดไปเจอ"Blog"ของคนไทย"Blog"นึง เป็น"Blog"ที่เขียนเกี่ยวกับเพลงเต้นรำมีรายละเอียดเกี่ยวกับเพลงเต้นรำในยุคต่างๆที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอน..มีเรื่องเกี่ยวกับ"Disco"และ"Studio 54" แต่ว่า..ไม่รู้ว่าเจ้าของ"Blog"ยังเด็กอยู่..หรือโง่(คงต้องใช้คำนี้) เพราะเขาบอกว่าตัวเองมีอาชีพเป็นดีเจแต่เขียนอธิบายไว้ช่วงนึงว่า.."Studio 54 และในขณะนั้นดีเจยังคงเปิดเพลงแบบแผ่นต่อแผ่นเปิดที่ละเพลงยังไม่มีการ mixing ต่อเนื่องแบบในทุกวันนี้" ต๊าย..ใครบอกมาค่ะเนี่ย..โง่ดักดานมาก จะบอกไว้..แต่เจ้าของ"Blog"คงไม่รับรู้เพราะ"Blog"นี้ไม่ได้อัพเดทนานแล้ว แต่ที่เขียนเพราะ..มันเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด(มาก) สถานที่เต้นรำในยุค70ไม่ว่าในไทยหรือต่างประเทศมีการมิกซ์เพลงต่อเนื่องทั้งนั้นค่ะ จะว่าไปเมื่อเทียบความเจริญทางด้านเทคโนโลยี่แล้ว ดีเจสมัยก่อนมีฝีมือมากกว่าดีเจสมัยนี้มากค่ะ ถึงแผ่นตัวอย่างที่เอามาลงให้โหลดนี้จะไม่ใช่แผ่นที่อาจจะดีที่สุดในการมิกซ์แต่ก็เป็นการยืนยันว่าสมัยนั้นมีการมิกซ์แล้ว(โว้ย)..ว๊าย..ขอโทษค่ะ
Download : anightatstudio54
Download : anightatstudio54
ELLE Fashion Week 2009 Schedule
Thursday 15 October 2009
20.00 Disaya
21.00 27Friday
Friday 16 October 2009
18.00 Sretsis
20.00 Vatit Itthi
21.00 Senada
Saturday 17 October 2009
16.30 Pisit
18.00 Kai
20.00 Olanor
21.00 Nagara
Sunday 18 October 2009
18.00 Zenithorial
20.00 Asava
21.00 Kloset
เป็นที่ตกลงแบบค่อนข้างเลื่อนลอยว่า จากนี้ไปกรุงเทพเมืองแฟซ่าของเราจะเหลือแฟชั่นวีคซีซั่นล่ะแค่หนึ่งที่ ไม่ใช่สองที่อย่างแต่ก่อน อืม..ม..ก็ดีค่ะ..ไม่ได้ประชดน่ะเนี่ย เท่าที่ได้ยินมา"BIFW"เอาโชว์ของตอน"Summer"ไปส่วน"ELLE"ก็เอา"Winter"มา แต่ประเทศเราไม่ค่อยมีอะไรแน่นอน..อย่าว่าแต่เมืองเราเลยเมืองนอกก็ใช่ว่าจะแน่นอน..ตอนนี้
20.00 Disaya
21.00 27Friday
Friday 16 October 2009
18.00 Sretsis
20.00 Vatit Itthi
21.00 Senada
Saturday 17 October 2009
16.30 Pisit
18.00 Kai
20.00 Olanor
21.00 Nagara
Sunday 18 October 2009
18.00 Zenithorial
20.00 Asava
21.00 Kloset
เป็นที่ตกลงแบบค่อนข้างเลื่อนลอยว่า จากนี้ไปกรุงเทพเมืองแฟซ่าของเราจะเหลือแฟชั่นวีคซีซั่นล่ะแค่หนึ่งที่ ไม่ใช่สองที่อย่างแต่ก่อน อืม..ม..ก็ดีค่ะ..ไม่ได้ประชดน่ะเนี่ย เท่าที่ได้ยินมา"BIFW"เอาโชว์ของตอน"Summer"ไปส่วน"ELLE"ก็เอา"Winter"มา แต่ประเทศเราไม่ค่อยมีอะไรแน่นอน..อย่าว่าแต่เมืองเราเลยเมืองนอกก็ใช่ว่าจะแน่นอน..ตอนนี้
วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552
Ladies and Gentlemen ... Miss Grace Jones !
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)