วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Visionaries : Tom Ford


เคยลงตัวอย่างสั้นๆไปแล้วครั้งนึง เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ดิฉันหารายละเอียดที่ดีกว่านี้ไม่ได้ ผิดถูกก็ว่ากันได้..ก็รู้มาแค่นี้นี่นา..5..5..5 ยังดีกว่าบอกว่า"รู้ดี"แล้วเขียนอะไรผิดๆถูกๆ..เลอะเลือน นี่น่าจะเป็นสารคดีเกี่ยวกับ"Tom Ford"ที่ทำขึ้นเพื่อออกอากาศทางช่อง"OWN"(Oprah Winfrey Network)

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อีเกีย..เธอจะขายของฉันไหม? 5..5..5


คำเตือน : บทความนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ตรง คล้ายเรื่องผีที่ไปเจอมาเอง..5..5..5 ไม่ได้ดีสเครดิต..เพราะไม่น่าจะเหลือเครดิตให้..ดิส..แล้ว..5..5..5 ใครรักและกำลังคลั่งไคล้"อีเกีย"อย่างไม่ลืมหูลืมตา ควรข้ามบทความนี้ไป..5..5..5

เรื่องมันเกิดขึ้น..เมื่อนาน..น..น..มาแล้ว..5..5..5 ไม่ใช่ซิวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง คนในบ้านอยากได้โต๊ะกินข้าว..ใช่โต๊ะกินข้าว ดิฉันก็..อุ้ย..ไป"อิเกีย"ดีกว่ากำลังดัง..และยังไม่เคยไป โดยหารู้ไม่ว่า..กำลังพาตัวเองไปสู่ความหายนะหลายขั้นตอน..5..5..5 ออกจากบ้านไป..บ่ายวันอาทิตย์ จากสาทรนั่นแหละดิฉันไม่ได้มีหลายบ้าน นั่งรถไฟฟ้าไปไกล..ไกลสุดขอบโลก..จนถึงสถานี"อุดมสุข"ที่เขาว่ามีรถรับส่งฟรีไป"อีเกีย" แหม..ของฟรี..ต้องทำใจอยู่แล้ว เขาว่ามาทุกครึ่งชั่วโมง นาฬิกาที่"อีเกีย"คงเสีย..เพราะเวลาผ่านไป..ชั่วโมงกว่ารถเพิ่งมา หลายคนที่รอด้วยกันเรียกแท็กซี่ไป..เพราะรอของฟรีไม่ไหว ส่วนดิฉันนั้นยืนจนแทบนั่งไม่ได้..เส้นยึด..5..5..5

เมื่อถึง"อีเกีย"ก็พบว่า..เหตุที่รถต้องใช้เวลาคอยยังกับมาจากพัทยาก็เพราะรถรับส่ง..มีคันเดียว อย่ามาหลายคันซิ..ขากลับก็คันเดิม..5..5..5 เมื่อเดินเข้าไปในตึกอันใหญ่โตมโหราฬ ดิฉันต้องหาของกินโดยด่วนเพราะถ้านับเวลาเดินทางทั้งหมดนี่น่าจะกินมื้อเย็นแล้ว(ไปเปิดที่พัทยาดีกว่าไหมค่ะ?..5..5..5) นี่คือส่วนที่ดีที่สุดของ"อีเกีย"..อาหาร..5..5..5 คือราคาและคุณภาพที่ได้ดีคุ้มกับเงินที่ได้จ่ายไป ปีกไก่ทอดใหญ่..ประมาณสะโพกของไก่"เคเอฟซี" แถมเนื้อไม่แห้ง..เหมือนเอาไก่ตายแล้วตั้งปี2000มาแช่เย็นแล้วทอด..5..5..5 สเต็กหมู..ก็อร่อย..เนื้อชุ่มฉ่ำ ไหนจะปลาแซลมอนอีก..ว๊ายกรี๊ด..ด..ด แล้ว..แผนกอาหารของ"อีเกีย"ก็มีเรื่องมาบั่นทอนความอร่อยจนได้ "โค๊ก"..ที่นี่ใช้เครื่องกดแล้วเก็บเงินแบบรีฟีล แต่แก้วเดียวก็ไม่ไหวแล้ว..ไม่ต้องมีแก้วต่อไป..5..5..5 เมื่อยกแก้วขึ้นดื่ม..แล้วปิดตา..จะรู้สึกคล้าย..ดื่มน้ำล้างกระป๋องโค๊ก..เพราะมีแต่กลิ่น..ไม่หวาน..ไม่ซ่า..ไม่อะไรใดๆทั้งสิ้น

ใช่อาหารที่"อีเกีย"ดี..แต่"อีเกีย"ไม่ใช่ร้านขายอาหาร นี่ดิฉันมาซื้อเฟอร์นิเจอร์นี่นา..5..5..5 แล้วดิฉันก็เดินเข้าไปในส่วนที่เป็นโชว์รูม..ที่น่าเวียนหัวสำหรับคนแก่ เพราะซับซ้อน..และคนเยอะ ที่"อีเกีย"น่าจะแปะป้ายที่ทางเข้าไว้ว่าทุกอย่างต้อง"บริการตัวเอง"รวมไปถึง"แล้วแต่บุญกรรมที่มีติดตัวมา"..5..5..5 คงเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์แห่งแรกบนโลกที่ต้องใช้เครดิตจากบุญกรรมที่ทำมา เนื่องจาก..ทุกอย่างที่วางไว้ต้องเดินไปหาสต๊อกเอง อันที่โชว์ไว้..ไม่ขาย..? คือว่า..ถ้าจะซื้ออะไรให้ดูรหัสที่สินค้า แล้วจดเอาไปค้นในคอมว่าสินค้าตัวนี้สต็อกอยู่แผนกอะไร ซึ่งคอมที่ว่า..กับจำนวนประชากรที่เข้าไปชอปปิ้ง นับเป็นอัตราส่วน..1เครื่องต่อ..ลูกค้า100คน ใช่แล้ว..คอยคิวกันยาวไปถึงพัทยา ที่เล่านี่..จิ๊บๆ(เขาเลิกใช้คำนี้กันไปรึยัง?..5..5..5) เพราะมันสยดสยองมากไปกว่านั้น ใครขวัญอ่อนให้เอาผ้านวมมาคลุมโปงก่อนอ่านย่อหน้าถัดไป..5..5..5

หลังจากหาของถูกใจงามๆได้หลายชิ้น ตั้งแต่ผ้านวมไปจนถึงที่ตากผ้า ดิฉันก็เดินไปตามแผนกที่ระบุไว้..ใช่ไม่มี..อีกครั้ง..ไม่มี คือว่าสต๊อกในคอมนั้น..ไม่อัพเดท น่าจะอัพเดทครั้งสุดท้ายก่อนน้ำท่วม..5..5..5 ฉะนั้นการเช็คสต๊อกในคอม..ไม่มีประโยชน์ใดๆ นอกจากสต๊อกไม่อัพเดทธรรมดาแล้ว ของชิ้นนั้นๆอาจย้ายไป..ย้ายมา..หลายแผนก ตั้งแต่เครื่องนอน..ของตกแต่งบ้าน..ไปจนถึงแผนกลดราคา..5..5..5 ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการหาสินค้า เนื่องจากต้องถามพนักงานประจำแผนก..ในแต่ล่ะจุด..แต่ล่ะจุด..ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอประโยคที่ว่า.."สินค้าหมดแล้วค่ะ" หวาย..ชอบอ่ะ..ไหนพูดอีกทีซิ..5..5..5 อ้อ..อย่ามานึกว่าจะมีพนักงานขายเดินกันขวั่กไขว้ ที่นี่มีพนักงานสองแผนกต่อหนึ่งคน แค่เดินหาพนักงาน..ก็หน้ามืดแล้ว

แหม..ถ้ามีแค่ที่เล่ามา..จะมาบ่นทำไม..5..5..5 มันยิ่งกว่านั้น..สินค้าส่วนใหญ่แยกขายเป็นชิ้นๆ เช่นผ้านวมจะแยกขายใส้และปลอกออกจากัน ระหว่างที่เหงื่อซก..เดินหาผ้านวมลายที่ถูกใจ เมื่อได้ปลอกเราต้องดูขนาดของปลอกว่าขนาดเท่าไหร่ แล้วแบกสังขารเดินไปหาใส้..ถ้าโชคดีมีบุญจะได้พบคู่ขนาดเดียวกัน ถ้าโชคร้ายกรรมบังจะได้พบกับคำว่า.."สินค้าหมดแล้วค่ะ"..5..5..5 ใช่ต้องลากเอาปลอกผ้านวมใหญ่เท่าเต็นท์รถมือสองไปวางที่เดิม เช่นเดียวกับโคมไฟ..ที่นี่ขายหลอดต่างหากไม่รวมกับโคม ที่เปรี้ยวไปกว่านั้น..ไม่มีพนักงานให้คำปรึกษาว่า..โคมแบบนี้ต้องใช้กับหลอดอะไร..แบบไหน..5..5..5

แฟชั่น..ยังมีฟินาเล่ฉันใด "อีเกีย"ก็มีฟินาเล่ชุดใหญ่ฉันนั้น..5..5..5 เมื่อได้ของ..เท่าที่หาได้ก็เดินไปแคชเชียร์ที่อยู่สุดลูกหูลูกตา ดิฉันถามพนักงานว่า"เราจะทราบได้ยังไงค่ะว่า..หลอดแบบนี้จะใช้กับโคมแบบนี้ได้ไหม?" พนักงานที่หน้าตาไม่ได้ดูเป็นชาวสแกนดิเนเวี่ยนตอบดิฉันว่า.."มีที่เทสหลอดไฟอยู่ทางด้านโน่นค่ะ" อืม..ม..ดิฉันถามว่าหลอดจะใช้กับโคมได้ไหม? ไม่ได้ถามว่าหลอดจะใช้ได้ไหม? เฮอ..อ..กลุ้มใจ กลับบ้านดีกว่า..จริงๆฉากนี้ยาวมากกินเวลาเป็นชั่วโมง เพราะต้องตามเจ้าหน้าที่หลายคนมาตอบคำถามดิฉัน ซื้อของที่เกาหลี..ยังง่ายกว่านี้..5..5..5

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : Haute Couture Focus


23 January 2012

10.30 am Versace
01.30 pm Alexis Mabille
07.30 pm Giambattista Valli
08.30 pm Iris Van Herpen

24 January 2012

06.00 pm Givenchy
07.00 pm Alexandre Vauthier

Text : Mode à Paris

หมายเหตุ : หมู่นี้เขียนอะไรต้องลบแล้วเขียนใหม่ ทำไม?..คนเขียนอ่านเองแล้ว..ไม่รู้เรื่อง..5..5..5 อืม..ม..โชว์"Haute Couture"ซีซั่นนี้รายชื่อหายไปไหนหลายคน อันนี้อาจต้องรอข้อมูลจากที่อื่นอีกที ส่วน..ชาแนล..ดิออร์..อะไรนั่น ดิฉันปลงแล้วค่ะ..5..5..5

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : บอกว่าขาสั้น..ก็..ขาสั้นซิ


ตัวแรกเป็นขาสั้นของ"Julius" เคยมีดีไซน์เนอร์ไทยทำขาสั้นหน้าตาไท้ย..ไทย..แบบนี้ออกมาขายไหม? อืม..ม..เท่าที่จำได้ยังไม่เคยเห็น แหม..ก็ขาสั้นแล้วมี"จีบหน้านาง"ซ่ะขนาดนี้


ตัวที่สอง..ก็ยังเป็นของดีไซน์เนอร์ญี่ปุ่นอีกเหมือนกัน แต่เป็นของ"Miharayayasuhiro"..เขียนติดกันไปให้อ่านยากซ่ะอย่างนั้น ก็ต้นฉบับเขาเขียนกันแบบนี้..5..5..5 กางเกงขาสั้นตัวนี้ทำจากเสื้อยืด,เสื้อโปโล,เสื้อกล้าม..หลายตัว,หลายแบบมาเย็บต่อๆกันซับซ้อนวุ่นวาย

Picture : Luisa via Roma

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : Dsquared2 (Behind The Scenes)


วันนี้นั่งดูนั่น..ดูนี่..ตามที่คนอื่นๆที่ได้อ่านมาเขาแสดงความเห็นกัน นั่นก็น่าเบื่อ..นี่ก็ไม่สวย..โน่นก็ซ้ำซาก(5..5..5) แล้วแต่จะว่ากันไปตามวัยวุฒิ,คุณวุฒิที่มีติดตัวกันมา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่จะเขียน..มันคนล่ะเรื่องกัน วันนี้กลับไปดูเวปแบรนด์ที่เคยชอบอย่าง"Dsquared2"ก็พบว่า..อ้าว..แว่นอันนี้มาจากไหน? เพราะภาพที่ลงเป็นภาพเบื้องหลังงานถ่ายภาพโฆษณาของ"Spring/Summer 2012" ก็ตอนเดินแฟชั่นโชว์มันไม่มีแว่นแบบนี้นี่นา..อะไรกัน แถมยังมีตั้งหลายสี..เหมือนแว่นพลาสติกข้างถนนอันล่ะ99บาทด้วย หูย..อยากได้อ่ะ..ชอบของแพงๆ..ที่ดูแล้วเหมือนของถูกๆ..5..5..5 อืม..ม..คงต้องดูงบประมาณก่อน เพราะตอนนี้มีแว่นดีไซน์เนอร์ชักเยอะเกินฐานะแล้ว..5..5..5


Picture : Dsquared2

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Pre-Fall 2012 : บาเลนเซีย..กล้า..มาก..เนอะ..5..5..5

Diane von Furstenberg

Picture : WWD

Pre-Fall 2012

Jason Wu , 3.1 Phillip Lim , Dsquared2

ชอบแบรนด์ล่ะชุดสองชุด จริงๆมันชอบน้อย..จนแทบเอามาเขียนไม่ได้ แล้วแบรนด์ที่ชอบหลายชุดมากที่สุดคือ"Dsquared2"..5..5..5 พรีท..ไม่ได้สนใจว่ามาจากไหน..มาจาก"Prada"มั้ง?..ไม่แน่ใจ แต่กลิ่นของ"Prada"หลายคอเลคชั่นยังคงฟุ้งกระจายอยู่ในวงโคจรของแฟชั่น..โดยเฉพาะกับดีไซน์เนอร์อเมริกัน สีน้ำตาล,เขียวและแดงมาเยอะจนกลัวว่าแนวทหารจะกลับมาอีก แต่พอเหอะน่ะ..อยู่มาหลายคอเลคชั่นแล้ว..5..5..5 จริงๆก็ชอบ"Calvin Klein","Helmut Lang","Donna Karan"และ"Boy by Band of Outsiders"น่ะ..แต่มันธรรมดาไปหน่อยเมื่อเทียบกับชิ้นอื่นๆที่ชอบ

Picture : WWD

Jean-Charles de Castelbajac : 70's

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

The Great Gatsby (2012)


จากหนังเก่าปี1974ที่กลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการแฟชั่นมาจนถึงปัจจุบัน ปีหน้าเราจะได้ดูเวอร์ชั่นใหม่ของยุคนี้จากฝีมือ(ที่น่าจะไว้ใจได้..5..5..5)ของ"Baz Luhrmann"(Romeo + Juliet , Moulin Rouge!) หนังเรื่อง"The Great Gatsby"ไม่ใช่หนังที่ดูเอาสนุกได้ เพราะเนื้อเรื่องเหมือนเรื่องเล่าและไปเรื่อยๆในช่วงชีวิตสั้นๆของ"Jay Gatsby" แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังต้นฉบับปี1974กลายเป็นอมตะมาจนถึงปัจจุบันคือ..เสื้อผ้าและงานออกแบบ หรูหราสวยงามและถูกต้องตามยุคสมัย คงต้องมาดูเวอร์ชั่นใหม่ในปีหน้าว่าจะทำออกมาได้เทียบเท่าปี1974ไหม?


Picture : Sassi Sam

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Fashion for Men by Milan Vukmirovic


บล็อคนี้เป็นบล็อครายงานข่าวช้า..มาเลท..5..5..5 ฉะนั้นไม่ต้องตกใจถ้าอ่านข่าวอะไรแล้วดูโบราณ..แหม..ก็วินเทจไง หนังสือแฟชั่นชายเล่มใหม่ล่าของปีนี้..ใหม่ล่า..แต่ขายหมดแล้ว อืม..ม..ไม่น่าจะเหลือมาถึงเมืองไทย หรือมี..ใครเห็นบอกด้วย..อย่ามางุบงิบ ดูจากขนาด..ไม่น่าเรียกว่า"Magazine"ได้เลยมันทั้งใหญ่ทั้งหนา แบบว่า..สมุดโทรศัพท์ยังอายกับความหนา614หน้า แต่เขาก็เขียนไว้ว่าเป็น"Magazine"จริงๆ ราคาตกเป็นเงินไทยต่อเล่มอยู่ที่ประมาณพันกว่าบาทนิดๆ(คือพันกับเศษอีกห้า,หกบาทอะไรทำนองนั้น) และที่สำคัญหนังสือเล่มนี้ทำ(บริหาร..?)โดย"Milan Vukmirovic" ถ้าอยากได้คงต้องคอยเล่มสองกัน


Picture : The Fashionisto , Details : Colette

Fall/Winter 2012-2013 : Paris Men's Focus


18 January 2012

05.00 pm John Lawrence Sullivan
06.00 pm Mugler
08.00 pm Christian Lacroix Homme

19 January 2012

09.30 am 3.1 Phillip Lim
02.30 pm Louis Vuitton
04.00 pm Alexis Mabille

20 January 2012

02.00 pm Juun J
06.00 pm Givenchy

21 January 2012

10.00 am Maison Martin Margiel
12.00 pm Walter Van Beirendonck
01.00 pm > 06.00 pm Sacai (Presentation)
06.00 pm MiharaYasuhiro
09.00 pm Raf Simons

22 January 2012

02.00 pm Songzio

Text : Modemonline

หมายเหตุ : สนามรบนอกพื้นที่ระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น..5..5..5

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Fall/Winter 2012-2013 : Milan Men's Focus


14 January 2012

02.00 pm Dolce & Gabbana
03.00 pm Jil Sander
04.00 pm Frankie Morello

15 January 2012

03.00 pm Vivienne Westwood
06.00 pm Prada

16 January 2012

09.00 am > 08.00 pm Alexander McQueen (Presentation)
09.30 am Dirk Bikkembergs
10.00 am > 06.00 pm Marc Jacobs Men (Presentation)
12.30 pm Gucci
03.00 pm > 08.00 pm CK Calvin Klein / Calvin Klein Jeans / Clavin Klein Underwear (Presentation)
06.00 pm Moschino
08.00 pm Versace

17 January 2012

09.30 am Dsquared2
11.30 am Diesel Black Gold

Text : Modemonline

หมายเหตุ : คราวนี้มีหมายเหตุ..5..5..5 เพราะเคยมีคนถามนานแล้วว่าเวลาดิฉันเลือกว่าโชว์ไหนน่าดู..เลือกจากอะไร? หูย..ตอบยาก..ลมเพลมพัด..5..5..5 มันมาจากหลายๆอย่างเช่นจากผลงานฤดูกาลที่แล้ว,จากข่าวประเภทเปลี่ยนดีไซน์เนอร์หรือเปลี่ยนเจ้าของ ยกตัวอย่างเช่น"Marc Jacobs Men"สวย..คงไม่..5..5..5 แต่ที่ลงไว้เพราะจะดูว่างานของ"Marc Jacobs"ก้าวหน้าไปกว่าเดิมในฤดูกาลที่แล้วไหม? หรือยังงงๆจับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนเดิม..5..5..5 จริงๆเหตุผลเดียวกันนี้ดิฉันก็ใช้กับ"Dsquared2"และ"Diesel Black Gold"ด้วยน่ะ เห็นไหม..ไม่ได้อคติ..ไม่ได้ลำเอียง..5..5..5

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Discolette (2011)


แผ่นรวมเพลง"Disco"จากห้างแบบ"Concept Store"ชื่อดังของฝรั่งเศส โดยใช้ชื่อแผ่นว่า"Discolette" หลังๆมา..ดิฉันว่าดิฉันเขียนอะไรผิดพลาดอยู่บ่อยๆ คงเป็นเพราะความแก่มาเยือนนี่เอง แต่คราวนี้ไม่น่าพลาด เพราะในแผ่นมีเพลงที่รู้จักเยอะ..เยอะเกินกว่าจะพลาดได้..5..5..5 โดยเพลงที่รวมอยู่ในแผ่นนี้มีทั้ง"Disco"แบบแท้ๆต้นฉบับไล่ลำดับมาจนถึง"Disco"ยุคใหม่อย่างที่เรียกกันว่า"Nu-Disco" แน่นอนแต่ล่ะเพลง..เปรี้ยวๆ..ตามแบบฉบับของห้าง"Colette"

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

The Great Designers, Part One

Elsa Schiaparelli : Fall/Winter 1935-1936 , Valentino : Spring/Summer 2008

ความสามารถพิเศษ นอกจากคนอเมริกันจะก๊อปแฟชั่นยุโรปจนจีนเริ่มอายแทนแล้ว คนอเมริกันยังก้าวหน้าไปถึงขนาดก๊อปงานนิทรรศการได้ด้วย..5..5..5 แหม..พูดเล่นน่ะ ประเทศใหญ่ขนาดนี้ มีบุคคลระดับอัจฉริยะเดินกันขวั่กไขว่แทบจะชนกันตาย จะมาก๊อปอะไรกัน..5..5..5

Rick Owens : Fall/Winter 2007-2008 , Gareth Pugh : Fall/Winter 2006-2007

Prada : Fall/Winter 2010-2011 , Boudicca : Fall/Winter 2005-2006

ก็แหม..จะไม่ให้เขียนแบบนั้นได้ยังไง ก็ลักษณะและแนวคิดของงาน..ทำให้นึกถึงงาน"Histoire idéale de la mode contemporaine"ที่จัดขึ้นที่ปารีสเมื่อปีที่แล้ว แถมยังแบ่งตัวนิทรรศการออกเป็นสองส่วน โดยจัดคนล่ะปีเหมือนกันอีกด้วย หูย..ทำกันขนาดนี้ ให้ดิฉันมองโลกในแง่ร้ายหน่อยเถอะน่ะ..5..5..5 นิทรรศการนี้(ภาคแรก)จะจัดขึ้นที่"Fashion Institute of Technology"ที่นิวยอร์ค ในระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2011 ถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2012 โดยจะมีหนังสือ(อีกแล้ว)ตามออกมาติดๆในต้นปีหน้า โดยใช้ชื่อว่า"The Great Designers: Fashion’s Hall of Fame from A to Z" แต่ยังหารายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ไม่เจอว่าราคาเท่าไหร่

Picture : WWD , Details : Fashion Institute of Technology

วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ฤดูที่แตกต่าง..เพราะแฟชั่นเปลี่ยนแปลงบ่อย

Prada : Spring/Summer 2012

จริงๆก็ไม่มีอะไรให้เขียนถึงนัก เพราะจะว่าไปมันก็ธรรมดา แต่บางคนตื่นตา..ด้วยความที่มันเป็นแบรนด์ใหญ่ อย่างที่เคยเกริ่นไปว่ามีโชว์ของ"Prada"และ"Chanel"เดินในวันเดียวกัน แต่แตกต่างกันในฤดูกาลและสถานที่ เอา"Prada"ก่อนแล้วกัน "Prada"ยังคงล้ำนำสมัยไปก่อนคนอื่นๆ..และอื่นๆ คราวนี้ถึงเสื้อผ้าจะเดินไปแล้ว แต่วิธีการนำเสนอนั้นแตกต่าง ด้วยการดึงเอาบล็อคเกอร์ชื่อดังระดับแนวหน้า(แน่นอนไม่รวมดิฉัน..5..5..5) มาถ่ายทอดมุมมองของโชว์จากตำแหน่งที่นั่งของตัวเอง

Chanel : Pre-Fall 2012

ส่วน"Chanel"..มีคนถามบ่อยๆว่าป้าออกแบบเสื้อบ้างรึปล่าว หรือเอาแพทเทิร์นเก่าโยนไปให้"Lesage"วางลายตามใจชอบ..อยากปักอะไรก็ปักมา..5..5..5 แหม..ปากร้ายกัน ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น อย่างน้อยๆเวทีของป้าก็สวยอลังมาทุกซีซั่น จริงๆป้าแกอาจจะอยากเป็นออแกไนซ์เซอร์ก็ได้ จะได้ถือไมค์ตวาดคนทำเวทีแว๊ดๆ..สนุกดีออก อย่างนึงที่โชว์ฝรั่งเศสมีคือความสวยงาม,วิจิตร..ตระการตา ซึ่งสามารถนำไปเสพร่วมกับเสื้อผ้า เมื่อมันผสมกันจะเกิดอาการเพ้อฝันล่องลอยไปจากโลกแห่งความเป็นจริง

Picture : Prada , Zimbio

Abercrombie & Fitch : Singapore Store Models


เห็นออกข่าวเหยงๆว่าจะเปิดฮ่องกง แต่ไหงมาเปิดสิงค์โปร์ก่อนได้..ขี้เกียจงงธุระไม่ใช่..5..5..5 อาจจะเป็นไปได้ว่า..เพราะที่นี่คือ"ดินแดนแห่งกะเทยอเบอครอมบรี้..รี้..แห่งฟากโลกตะวันออก" ต้องรีบเปิด..เพราะในเอเซียนี้ไม่มีกะเทยที่ไหน..ประเทศใด..ใส่เสื้อผ้า.."อเบอครอมบรี้..รี้.."เยอะเท่ากับกะเทยสิงค์โปร์อีกแล้ว มันช่างตรงกลุ่มเป้าหมายอะไรเช่นนี้


ว่าแต่..ทำไมวันแถลงข่าวนายแบบสิงค์โปร์..ถึงหาแทบไม่เจอในรูป? นายแบบสิงค์โปร์น้อยจนแทบมองไม่เห็น อะไรคือสาเหตุน่ะ..ก.คนเอเซียใส่"Abercrombie"ไม่สวย..5..5..5 ข.นายแบบสิงค์โปร์หน้าตาไม่ผ่าน..5..5..5 ค.คนสิงค์โปร์ชอบดูนายแบบฝรั่งมากกว่านายแบบชาติตัวเอง..5..5..5 ตอนที่แถลงข่าวสาขาที่ญี่ปุ่นยังใช้นายแบบญี่ปุ่นจำนวนเยอะมากกว่านี้ หรือว่า..เอ..ดิฉันเข้าใจผิด จริงๆคือนายแบบฝรั่งพวกนี้คือคนสิงค์โปร์?..5..5..5


วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Spring/Summer 2012 : A New Spotlight for Men's

บทความนี้ดิฉันเอามาจาก"L'Uomo Vogue"เมื่อเดือนที่แล้ว คือจะเขียนผสม..แต่ด้วยความบูดของอารมณ์ผสมกับน้ำท่วม มันเลยยืดย้วยมาลงเอาตอนนี้ เขียนๆ..แก้ๆ..แถมยังเปลี่ยนรูปจากต้นฉบับ(กล้าอีกแล้ว..5..5..5) ก็แหม..คนมันอยากดัง..อยากโกอินเตอร์ แอบเอารูปที่ตัวเองถ่ายลงปนไปในบทความ นอกเรื่องอีกแล้ว คือจริงๆที่เอามาลงก็เพราะว่า เสียงตอบรับเสื้อผ้าผู้ชายของเกาหลีนั้นค่อนข้างดีในตลาดสากล(แหม..ก็มิลาน,ปารีส,นิวยอร์ค..ทำนองนั้นไง) ก็เลยเอาบทความนี้มาลง น่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจแฟชั่น..แบบกว้างๆ..มองไปไกลๆ แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่มองไปไหนไม่เคยพ้นจมูกตัวเอง

General Idea

A New Spotlight for Men's Fashion
From Sportswear to Suits, Korea Seems to be The New Dominant Trend

MVIO

It seems Korean menswear has hit a spotlight, with brands like Juun.J and Wooyoungmi paving the way in Paris. Considering this, it comes as no surprise that the clear favorites (from the international press and the local crowds) are those of the menswear designers this season.

MVIO

Suiting and sportswear seem to be the overwhelming trends, not quite fast fashion but clearly referenced by the west, designers like Jehee Sheen and G.I.L Homme, although completely different from each other, similarly play with trend based separates and slim suiting. WhileMVIO and General Idea mix key fitted looks with colorful rain gear.

Beyond Closet

Nostalgia seems to be the center-stone of brands such as Andy & Debb, Alani and Beyond Closet, showing a range which references a dandy from another era. Resurrection, who also shows on the New York fashion calendar, attempts to hammer-in the idea that they are “alternative” by artfully lacing a good majority of their offerings and showing it with their signature man-skirt.

(Left) Groundwave , (Right) Cy Choi

Clear stand-outs being Groundwave and Cy Choi with their ongoing conversation with tradition, both consistent yet fresh. One makes a statement with traditional tailoring and the other with material – which includes mixing paper and wool in a single look.

Text : L'Uomo Vogue , Picture : Seoul Fashion Week , Foxy Lady

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ใหม่กับเก่า..วันเดียวกัน


แฟชั่นสมัยนี้แทบแยกซีซั่นไม่ออก เดี๋ยวเดิน..เดี๋ยวเดิน ใหม่เก่าเจอกันวุ่นวาย คนไม่ชินอาจงงในฤดูกาล หนาวๆ..ร้อนๆ..คล้ายจะเป็นไข้ สมัยโบราณแฟชั่นแต่ล่ะซีซั่นเห็นชัดและแยกจากกันโดยเด็ดขาด ไม่มีโชว์ยิบย่อยจนแทบจะเดินกันทุกเดือนแบบนี้ อ้าว..แล้วมันเกิดขึ้นจากอะไร? ก็จากธุระกิจไง..หรืออีกชื่อนึงของมันคือ"ความโลภ" เมื่อเปิดสาขาใหญ่ๆมีร้านสวยๆมีโชว์งามๆ..ก็ย่อมต้องใช้เงินเยอะ ทำไงล่ะ..ถึงจะได้เงินมาให้ทันใช้? ก็ออกคอเลคชั่นไง..ถี่ๆ เดี๋ยวนี้มีโชว์หน้าร้อนถ้านับแยกหญิงชายอาจถึง4-6โชว์ต่อแบรนด์ จะมากไปไหนกัน วันนี้.."Prada"หอบข้าวหอบของข้ามน้ำข้ามทะเล เอาโชว์เก่ายกเซทของ"Spring/Summer 2012"ไปเดินที่โตเกียว ถ้าตามเวลาไทยน่าจะตอน5โมงเย็นกว่าๆ และในวันเดียวกันนี้แต่คนล่ะเวลา "Chanel"ขนคอเลคชั่นใหม่ล่าของ"Pre-Fall 2012"ออกมาโชว์ ที่ไหนเวลาอะไรรู้สึกเหนื่อยในการหา เดินแล้วรู้เอง..ถ้าสวยจะเอามาลง..5..5..5 (กล้าเขียนเนอะ)


Picture : Prada , Chanel

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ดาวประดับใจ

Yves Saint Laurent : (ซ้าย) "Spring/Summer 2008" , (ขวา) "Cruise 2012"

ดิฉันชอบเครื่องประดับที่มีดาว ไม่ชอบสีเงินหรือสีทองโล้นๆ ชอบเป็นสีๆมีระยิบระยับด้วยยิ่งดีใหญ่ ตอนเด็กๆมีเข็มกลัดลงยาของ"Thierry Mugler"แน่นอน..เป็นดาว ซึ่งมันคงไม่เหลือซากมาจนถึงสมัยนี้..5..5..5 พอโตขึ้นมาก็เพียรหาดาวเล็กดาวน้อยมาเก็บใส่กล่อง อยู่บ้าง..หายบ้าง..ตามอัธยาศัย จนมาเมื่อหลายปีก่อน "Yves Saint Laurent"ก็ทำเซทใหญ่ออกโชว์ในซีซั่น"Spring/Summer 2008" และอีกครั้งกับ"Cruise 2012" ใช่ว่ามีของแล้วเราจะได้ซื้อมัน มันมักสวนทางกันเสมอ มีเงิน..ไม่มีของ,มีของ..ไม่มีเงิน

Fall/Winter 2011-2012 : Zara

จนมาวันนี้ไปเดินเล่น..อุ้ย..อะไรนั่น?..แน่นอน..คงไม่ใช่ชิ้นใดชิ้นนึงของ"Yves Saint Laurent"แน่ๆ แต่มันคือที่พึ่งของผู้ยากไร้..แต่สูงในรสนิยม..นั่นคือ"Zara" ถึงแม้มันจะสวยไม่เทียบเท่าชิ้นใดชิ้นหนึ่งหรือแม้แต่เสี้ยวเล็บของ"Yves Saint Laurent" แต่ก็มีความรู้สึกสุขใจที่ได้มันมา เป็นของปลอบโยนจิตใจในยามมีทุกข์ ถึงแม้ทุกข์จะไม่หายไป..แต่มันก็บรรเทาเบาบางลง

Picture : WWD , Style Bistro , Foxy Lady

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Chanel @ Boon The Shop


เหมือนซีซั่นนี้ใครๆก็แห่ไปทำการตลาดที่เกาหลี แหม..ขายเสื้อเมืองหนาว..ก็ต้องไปทำตลาดเมืองหนาวซิ..5..5..5 ร้าน"Chanel"สาขาที่"Boon The Shop"นี้กินเนื้อที่ถึงสามชั้น ต๊าย..ดีไซน์เนอร์คนอื่นที่อยู่มาก่อนคงต้องอพยพหลีกลี้หนีป้าไปอยู่ส่วนอื่นๆของร้าน เพราะเท่าที่ดูจากรูป มันคือครึ่งนึงของตึก"Boon The Shop" จริงๆจะเรียกสาขา..มันก็ไม่ถาวรขนาดนั้น จะนิทรรศการก็ไม่ใช่ มันน่าจะเป็น"Pop-Up Store"ขนาดใหญ่ เพราะมาถึงตอนนี้น่าจะไม่มี"Chanel"ที่"Boon The Shop"แล้ว เพราะเห็นเขียนไว้ว่ามีถึงแค่วันที่20พฤศจิกายนที่ผ่านมา ลงทุนเนอะ..ทำๆ..รื้อๆ..สบายใจ..ได้อิมเมจก็พอ..5..5..5


Picture : Chanel